ประทับใจกับปลาดิบคุณภาพเยี่ยม เมื่อมื้อนี้ “เชฟจัดให้” @ Zuru รามอินทรา

สวัสดีค่ะ
วันนี้เราพามาชิมอาหารญี่ปุ่นร้านน้องใหม่สาขาสองของ Zuru ที่เพิ่งมาเปิดตัวที่ Ease Park รามอินทรา เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (สาขาแรกอยู่บางนาหน้าโรงพยาบาลศิขรินทร์)

ร้าน Zuru สาขารามอินทราตั้งอยู่ที่ชั้นสอง ขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะเจอเลย หาง่าย
ตัว Ease Park เองก็มีที่จอดรถ เดินทางสะดวกสบาย

เข้ามาถึงก็จะได้สัมผัสกับบรรยายกาศแบบญี่ปุ่นแต่ดูทันสมัย ที่ร้านทำสีไม้โทนสว่าง จัดพื้นที่ได้โปร่งโล่งสบายตา

ของที่ร้านจะมีเมนู a la carte ทั้งซูชิ ซาชิมิ และอาหารจานร้อนมากมาย
แต่ที่จะพามาชมมาชิมด้วยกันวันนี้จะเป็นในส่วนของ Omakase หรือในรูปแบบที่เรียกว่าเชฟจัดให้

 

โดยเราเลือกที่จะเชื่อใจเชฟ ยกประสบการณ์ทั้งหมดให้เชฟเป็นคนดูแล

ส่วนตัวเชฟเองก็มีหน้าที่ที่จะเลือกวัตถุดิบที่สดที่สุด ดีที่สุด ของแต่ละฤดูกาลมาปรุงแต่งอย่าพิถีพิถันเพื่อให้คนกินได้ลิ้มรสวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมได้อย่างเต็มภาคภูมิ

นอกจากจะเลือกสรรอย่างดีแล้ว เชฟแต่ละคนก็จะมีเทคนิคการบ่มปลา หรือ aging ที่แตกต่างกันไปเพื่อให้ปลาของตนออกมามีสเน่ห์ในลักษณะเฉพาะตัวเฉพาะสไตล์ ลูกค้าจะได้ติดใจกลับมาหาอีก

วันนี้เราได้เชฟไทด์ เชฟใหญ่ของที่นี่มาเป็นผู้ดูแล นำพาเราผ่านประสบการณ์การชิมคอร์ส Omakase มื้อนี้

สำหรับ Omakase ของ Zuru นั้น เชฟแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนสักหนึ่งวันเพื่อจะได้สรรหาปลาพิเศษที่หลากหลายมาไว้รอและเตรียมข้าวซูชิแบบพิเศษหุงเฉพาะตามสูตรของเชฟไว้ให้

สนนราคาของ Omakase ที่เราจะลองกันให้ชมวันนี้อยู่ที่ 4000B

หากใครสนใจคอร์สอื่นๆ ทางร้านอัพเดทคอร์สและราคาอยู่เรื่อยๆ ที่หน้าเพจค่ะ https://www.facebook.com/ZuruRestaurant/

ก่อนจะทาน เราก็ได้สัมผัสประสบการณ์แบบพรีเมียมกันอีกหน่อย เพราะเชฟมีตะเกียบและที่วางลายสวยมาให้เลือกเองตามชอบใจ

หลังจากชาร้อนๆ มาเสิร์ฟ

เราก็ได้ประเดิมจานแรกเรียกน้ำย่อยกันด้วย Junsai ยอดของดอกบัว รสอ่อนๆ สัมผัสลื่นๆ

ต่อด้วยปลา Megochi ทอดกรุบกรอบ เลือกได้ว่าจะกินกับเกลือหรือกับพอนสึ บีบมะนาวอีกหน่อยให้ได้รสเปรี้ยวๆ กินเพลิน

จานถัดมาเป็นปลา Ayu ทอดทั้งตัว กินได้ทุกส่วน อันนี้มาคู่เลมอนที่เปรี้ยวละมุนกว่า

ก่อนจะเริ่มซูชิ ก็มีขิงดองและไช้เท้ามาเสิร์ฟให้ล้างปาก

ขิงของที่นี่ดองเองตามสูตรเฉพาะตัวของเชฟ เป็นขิงอ่อนจะนิ่มและไม่เผ็ดจัด ออกหวานนำ กินง่าย ใช้เป็น palate cleanser ระหว่างการกินซูชิแต่ละคำได้เป็นอย่างดี

ไช้เท้าดองที่นี่ยังออกแข็งหนืด ไม่กรอบกรุบแบบที่ปกติตัวเองจะชอบ แต่ในส่วนของรสชาติดองได้ค่อนข้างพอดี

ข้าวซูชิของที่นี่เป็นพันธุ์ Hoshihikari

เชฟทำออกมาได้รสสัมผัสไม่แข็งเกินไป ปั้นแบบเล็งให้มี air pocket เพื่อให้พอหยิบเข้าปากแล้วข้าวกระจายตัวได้อย่างพอเหมาะพอดี

ของ Zuru เชฟไทด์เลือกที่จะเสิร์ฟแบบอุ่น ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบกับการกินข้าวซูชิที่ปั้นได้ดี รสชาติของน้ำส้มสายชูที่ปรุงก็ออกเปรี้ยวอ่อนๆ และมีอุณหภูมิสูงหน่อยให้อุ่นๆ และข้าวไม่แข็ง ออกมาลงตัวเมื่อกินกับปลา

ซูชิคำแรก เชฟเสิร์ฟเป็น Ika (ปลาหมึก)

ตัวนี้เป็น Sumi Ika จะไม่ออกรสสัมผัสกรุบๆ แต่เน้นไปทางนุ่มเนียน ไม่เหนียว เคี้ยวง่าย เชฟปรุงมาด้วยวาซาบิ เกลือ มะนาว

 

ถัดมาก็จะเป็น Makokarei ปลาเนื้อนุ่ม รสอ่อนตามประสาปลาพันธุ์นี้ เชฟขูดผิวส้มยุสุมาข้างบนเบาๆ ส่งกลิ่นหอมอวลไปทั้งปากพอได้ชิม

ต่อด้วย Kinmedai เชฟบอกว่าตัวนี้สั่งมาจากชิบะ เนื้อออกมานุ่ม รสสัมผัสดี

 

จากนั้นเชฟก็โชว์โยนหอยแครงก่อนจะปั้น Akagai sushi ให้เราชิม หอยแครงที่นี่สดกรอบ เคี้ยวกรุบๆ เลยทีเดียว

จากนั้นมาเป็นรายการ Shima Aji ปลาตระกูล Mackerel ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว

และแล้วก็มาถึงช่วงที่เรารอคอย นั่นก็คือช่วงเวลาของทูน่า

แน่นอนว่า เชฟไล่ให้สามคำสามระดับ

ตั้งแต่ส่วนเนื้อแดง Akami Zuke ที่เชฟแช่หมักโชยุให้เข้าเนื้อก่อนเสิร์ฟ

ต่อมาด้วย Chutoro ทูน่าส่วนที่มันระดับกลาง

จบที่ Otoro ที่แน่นอนว่าต้องพีคสุดด้วยความที่เป็นส่วนท้องที่แทรกมันมากที่สุดจนกัดแล้วนุ่มละลาย

เชฟไทด์เล่าว่าทูน่าของที่นี่จะ aging กันที 5 – 20 วันเลยทีเดียว ทำให้ได้รสเข้มลึกที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นจากการบ่ม

ชิ้นถัดมาทำเราถึงกับตาโตเพราะเป็น Murasaki Uni ไข่หอยเม่นชนิดพิเศษหาได้ยาก ของ Tachibana ซึ่งปกติไม่ได้มีบ่อยๆ

แต่โชคดีวันที่เรามา ทางร้านประมูลมาได้พอดีเราเลยมีโอกาสได้ชิมกัน

ได้ชิมแล้วเข้าใจเลยว่าทำไม a la carte ถึงขายซูชิคำนี้ถึงคำละ 950B

รสชาติของ uni ตัวนี้ อ่อนโยน เนียนละมุน เป็น uni รสไม่แรง กลิ่นไม่มากที่ลุ่มลึกชวนลุ่มหลงสุดๆ

รสของ uni บางมากจนข้าวที่รู้สึกว่าพอดีมาตลอดรู้สึกว่าเปรี้ยวเกินไปเลยทีเดียว

อันนี้อร่อยมากจนอดใจไม่ไหว ต้องยอมควักกระเป๋าเบิ้ลอีกหนึ่งคำ

 

จบจาก uni สุดฟิน ก็เป็น Goma Saba ซาบะลายจุดที่ทำให้ได้ชื่อว่าโกมะที่แปลว่างาดำ

ตัวนี้เชฟดองเปรี้ยวให้ด้วย รสมือการดองทำได้ดี ทำให้ได้รสกลมกล่อมในขณะที่ยังสัมผัสถึงรสแก่นของวัตถุดิบตั้งต้นได้อยู่

 

จากนั้นก็มีซุปร้อนๆ กับไข่หวานมาตบท้าย

ไข่หวานที่นี่พิเศษอยู่เสียหน่อย ออกหวานนำ และรสสัมผัสนุ่มละมุนกว่าร้านอื่นๆ ทั่วไป เชฟบอกว่าไข่หวานที่นี่ไม่ใส่แป้งเลย จะใช้แต่ กุ้ง มัน น้ำตาล ข้าวหวาน ย่างบนกะทะ ไม่ได้ใช้อบ ถึงแม้จะใช้เวลาในการทำอย่างใจจดใจจ่อค่อนข้างนาน แต่เชฟก็ลงทุนยืนทำเพื่อให้ได้ออกมาเป็นไข่หวานสุดอร่อยตัวนี้

ปิดท้ายด้วยของหวานประจำวันนี้คือ มันเชื่อมน้ำผึ้ง ทานกับไอศกรีมวนิลา

มันญี่ปุ่นที่ย่างได้พอดิบพอดี เชื่อมด้วยน้ำผึ้งจนหวานหอมเข้าเนื้อ เป็นจานปิดท้ายที่ทำให้เราอิ่มใจและอิ่มพุง

โดยรวมแล้วมื้อนี้มีความประทับใจหลายอย่าง แม้ราคาจะสูงเสียหน่อย แต่เชฟก็ใช้วัตถุดิบดีคุณภาพสูงและทำมาอย่างพิถีพิถัน ถือว่าโดนใจไม่เสียแรงที่เรายกประสบการณ์ให้ “เชฟจัดให้” จนออกมาเป็นการเดินทางที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้นจนจบ

ใครสนใจลองโทรจองล่วงหน้าแล้วมาชิมกันได้ ถูกใจอย่างไรอย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ

Comments

comments