ทางทีมงานได้รับเกียรติจาก Zoom at Sathorn Sky Bar & Restaurant ให้มาสัมผัสบรรยากาศสบายๆ และวิวสวยๆ ของกรุงเทพ อีกทั้งลองชิมเครื่องดื่มและอาหารสไตล์อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย
Zoom Sky Bar นั้นตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 40 ซึ่งแน่นอนว่าเราจะได้ดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพของกรุงเทพอย่างจุใจ ชิมเครื่องดื่มและอาหารสไตล์อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยเชฟ อรรถวร เชฟรุ่นใหม่ไฟแรงของที่นี่ได้รังสรรค์ขึ้นโดยไม่ลืมสอดแทรกกลิ่นอายของความเป็นอาหารเอเชียเข้าไปจนได้รายการอาหารแปลกใหม่ที่ผสมผสานอาหารแนวตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว วันนี้ทีมงานเข้ามาจังหวะดี พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีทองเรื่อเรืองจับขอบฟ้า บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก ดังนั้นถ้าใครจะชวนคู่รักมา เวลาประมาณหกโมงเย็นน่าจะกำลังดี เพราะนอกจากจะได้ชมวิว 360 องศาของมหานครแห่งนี้ขณะที่ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว ก็ยังจะได้เห็นบรรยากาศแสงสีในยามค่ำคืนหลังจากพระอาทิตย์ตกด้วยเลยทีเดียว
นั่งพักกินลมชมวิวแล้วเราก็ลองสั่ง Cocktail มาจิบเพิ่มดีกรีความชิล ที่นี่นั้นขึ้นชื่อทางด้านการนำวิทยาศาสตร์มาผสมผสานกับการทำอาหารอยู่แล้ว พอ Cocktail มาเราจึงได้ตื่นตากับไอเดียสร้างสรรค์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มมื้ออาหารกันเลย
แก้วแรก Salt Air Margarita (370 บาท) นั้นมาอย่างเก๋ มาการิต้ารสอมเปรี้ยวกำลังพอดีถูกโปะมาด้วยโฟมของเกลือหิมาลัยแทนการโรยเกลือรอบขอบแก้วตามแบบมาการิต้าทั่วไป ด้านล่างเป็นบ๊วยจีน แค่นั้นยังไม่พอ แก้วที่สอง Smoked Flitt (370 บาท) ที่ตามมาติดๆก็มีลูกเล่นแพรวพราว ตั้งแต่การเสิร์ฟมาในหลอดทดลองวิทยาศาสตร์ เมื่อเปิดจุกก็จะพบกับเซอร์ไพรส์สเต็ปที่สองคือกลิ่นควันจาก Smoked berry tea ที่พุ่งมาแตะจมูก กระดกหลอดก็จะได้รสชาติของรัมกับรสเปรี้ยวๆหวานๆของราสเบอร์รีและลิ้นจี่ เข้ากับกลิ่นควันอย่างบอกไม่ถูก อีกแก้วที่สั่งมาลองก็น่าสนใจด้วยความที่เป็นคอมโบที่ไม่คุ้นตากันเท่าไรกับส่วนผสมอย่าง White Chocolate ในมาการิต้า แต่พอได้ลองก็พบว่า White Chocolate Magarita (370 บาท) แก้วนี้รสกลมกล่อม ความหวานจาก White Chocolate ผนวกกับกลิ่นหอมๆของน้ำผึ้งและอบเชย ทำให้แก้วนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจของทุกคน ปิดท้ายรายการเครื่องดื่มด้วยเมนูแนะนำ Mango Martini (370 บาท) พระเอกของงานคือ Fresh Mango Sphere เมื่อตักเข้าปากก็จะระเบิดรสชาติของมะม่วงออกมา เพิ่มความหวานสดชื่นลงตัวให้กับมาร์ตินี่แก้วนี้เป็นอย่างมาก
พูดถึง Cocktail กันไปแล้ว เรามาดูอาหารว่างกันบ้าง เมนูอาหารว่างที่นี่หลากหลายมาก เราเริ่มที่ Hawaiian Tuna Tartar (300 บาท) ซึ่งออกรสเผ็ดนิดๆ ทานคู่กับขนมปังกรอบ เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ต่อกันด้วย Crispy Pork Belly (300 บาท) ที่หนังกรอบสุดๆ แถมน้ำจิ้มเป็นแบบจีนแท้ๆ ได้อารมณ์มากๆ วันนี้ทางเชฟอรรถวรได้สละเวลามาพูดคุยกับทางทีมงาน ทำให้เราได้สัมผัสตัวตนของผู้ที่อยู่เบื้องหลังผลงานชั้นยอดเหล่านี้ เชฟอรรถวรนั้นได้ร่วมงานกับเชฟระดับโลกมาหลายต่อหลายท่าน ทำให้ได้เรียนรู้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์มากมายที่นำมาใช้สร้างความตื่นตาบนจานอาหารให้เราๆท่านๆได้ชื่นชม ถึงเชฟจะร่ำเรียนมาเน้นอาหารสไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ แต่เมื่อกลับมาเมืองไทยก็ได้นำพื้นความรู้เกี่ยวกับอาหารไทยและอาหารชาติตะวันออกมาผสมผสานเพื่อสรรสร้างอาหารแปลกใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ระหว่างที่คุยนั้น เราสัมผัสได้ถึง Passion ที่เชฟอรรถวรมีให้กับการทำอาหาร เชฟตื่นเต้นกับการคัดสรรวัตถุดิบจากเอเชียที่ยังใช้กันน้อยในอาหารสไตล์ฝรั่งเศสเช่นเห็ดจากจีนหรือธิเบต และสนุกกับการได้ทดลองผสมผสานวัตถุดิบชั้นเลิศและรสชาติแปลกใหม่เข้าด้วยกัน สิ่งนี้เองที่เป็นแรงผลักดันให้เชฟคิดนอกกรอบและใช้พลังความสร้างสรรค์ในการคิดค้นรายการอาหารใหม่ๆออกมาได้อย่างไม่หยุดยั้ง
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่อาหารจานหลักจะได้อวดโฉม เมนูยอดนิยม Hokkaido Scallop and Tuna (600 บาท) จานนี้ทำเราตื่นเต้นกันตั้งแต่แรกเห็นเพราะสีสันและการจัดวางดูราวกับเป็นงานศิลปะก็มิปาน แถมอัดแน่นไปด้วยสุดยอดวัตถุดิบรสเยี่ยม ตั้งแต่ jumbo diver scallop สดจากฮอกไกโดที่เชฟเผยความลับให้ฟังว่า ถ้าเป็นหอยเชลล์จากแหล่งอื่น รับรองว่าเนื้อไม่แน่นและไม่หวานเท่าของฮอกไกโดเด็ดขาด ที่เสิร์ฟคู่กันมากับหอยเชลล์ตัวอวบๆที่ Sear มาด้วยความสุกพอดิบพอดีนั่นก็คือ Akami tuna ราดมาด้วย tarragon reduction รสเข้มข้นที่ได้มาจากการเคี่ยวน้ำซุปไก่และน้ำซุปเนื้อคู่กับ tarragon ทั้งหมดนี้ทานคู่กับ Avocado Wasabi หอมมันที่ให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นเข้ามาผสมผสานอย่างพอเหมาะเราก็แทบละลายกันแล้ว แต่เชฟก็ยังมีทีเด็ดกว่านั้นคือ Lemon Caviar ซึ่งผ่านกระบวนการ Spherification เช่นเดียวกับ Mango Sphere แต่ทำออกมาเป็นเม็ดเล็กๆน่ารัก รสเปรี้ยวของน้ำมะนาวที่แตกผสมกับหอยเชลล์และทูน่านั้นทำให้จานนี้ครบรสสุดๆจนเป็นอีกหนึ่งจานที่ยากจะลืมลง
จานหลักจานที่สอง Sea Bass (700 บาท) ของที่นี่ทำปลามาสุกกำลังพอดี หนังกรอบอร่อย เสิร์ฟคู่กับแอสพารากัส แครอทฝานบางสีส้มสวย และ pancetta หรือเบคอนแบบอิตาเลียนกรอบๆชิ้นโต ด้านล่างเป็นผักร็อกเกตที่ผัดเร็วๆกับหอมแดง องค์ประกอบทุกอย่างเสริมรสกันเป็นอย่างดี และที่ชอบที่สุดของจานนี้คือซอส Lemon & Soy Sauce Butter ที่ทำให้รสชาติของปลาโดดเด่นน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก ดูจากเมนูแล้วยังมีรายการอาหารที่น่าสนใจอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบเทพๆ อย่าง Foie Gras หรือ Escargots and Frog leg อีกทั้งยังมีเมนูเนื้อให้เลือกอีกมากมาย ตั้งใจว่าจะต้องกลับไปลองกันเพิ่มในเร็ววัน
เริ่มดึกบรรยากาศก็เริ่มครึกครื้น ผู้คนหนาตาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต่างมายลแสงสียามราตรีกับผองเพื่อน ที่ร้านเองก็เพิ่มความ Chic ด้วยดวงไฟสีต่างๆที่สลับสับเปลี่ยนสีไปมาตลอดเวลา ส่วนเรานั้นก็มาถึงจานสุดท้ายของวันคือของหวานสวยๆจานนี้ Pineapple Malibu (250 บาท) เชอร์เบทรสกลมกล่อมเสิร์ฟพร้อมสับปะรดภูเก็ตรสเปรี้ยวอมหวานที่ถูกหั่นเป็นแว่นกลม วางข้าง Piña Colada Crème ที่ประกอบด้วยกะทิ Whipping Cream และ Malibu ครีมนี้อร่อยแทบจะน้ำตาซึมด้วยรสหวานอ่อนๆและความหอมมันที่ลงตัวพอดิบพอดีมากจนบรรยายไม่ถูก ความนุ่มของครีมนั้นให้รสสัมผัสตัดกันกับ peanut brittle แผ่นบางกรอบที่มาด้วยกัน และเชฟตบท้ายด้วยลูกเล่นแบบวิทยาศาสตร์เล็กๆ คือ Coriander Sugar ที่เห็นเป็นผงสีเขียวสด
โดยรวมแล้ว ประสบการณ์ประทับใจจากห้องอาหาร Zoom Sky Bar ในวันนี้ก็ทำให้เราได้สถานที่ชิลที่โปรดแห่งใหม่ที่จากนี้ไปคงได้แวะเวียนเข้าไปเป็นประจำอย่างแน่แท้ ใครที่อยากหาที่แฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ ที่มีวิวสวย บรรยากาศทันสมัย เครื่องดื่มเก๋ไก๋และอาหารอร่อย แนะนำที่นี่เลยค่ะ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน