รีวิวนี้จะชวนไปเช็คอินที่พิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ล่าสุดในโตเกียว นั่นก็คือ MORI Building DIGITAL ART MUSEUM: EPSON teamLab Borderless หลายคนอาจจะเคยเห็นนิทรรศการของ teamLab ผ่านตามาบ้างแล้วในหลายประเทศ บางที่ก็จัดขึ้นแค่ชั่วคราว ส่วนที่ญี่ปุ่นนี่เปิดถาวรเลยค่ะ เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2018 นี้เอง เราไปเที่ยวโตเกียวช่วงนั้นพอดีเลยซื้อตั๋วล่วงหน้าและไปมาวันที่ 22 มิ.ย. 2018
MORI Building DIGITAL ART MUSEUM: EPSON teamLab Borderless เป็นพิพิธภัณฑ์ digital-only แห่งแรกของโลก มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร งานของ teamLab จะมี concept แตกต่างกันไปในแต่ละที่ ส่วน concept ของญี่ปุ่น คือ Borderless งานศิลปะบางจุดจะไม่ได้อยู่แค่ในห้องเดียวแต่เคลื่อนที่ไปห้องอื่นแบบเนียนๆ จนเราไม่ทันสังเกตด้วยค่ะ บางทีเราเดินไปเดินมาก็ไปโผล่อยู่อีกห้องโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน ตัวผู้ชมและงานศิลปะจึงเหมือนได้รวมเป็นส่วนเดียวกัน ปกติเวลาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เราก็ได้แค่เดินดูงานที่จัดแสดงไว้ แต่ที่ teamLab เจ๋งมาก คือ ผลงานจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เซนเซอร์เพื่อสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา นอกจากนี้เราก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะในนี้ด้วย เช่น พอเราขยับตัวก็จะมีผีเสื้อบินตามมา สวยยย เอาเป็นว่าถ้าไปที่นี่ลองเอามือไปแตะตามผนัง ตามรูปต่างๆ ดู รับรองว่าสนุก
การเดินชมงานศิลปะในนี้ก็ไม่ได้กำหนดทิศทางการเดินไว้ชัดเจน เพราะเค้าอยากให้เราสนุกกับการค้นหาห้องต่างๆ ด้วยตัวเองค่ะ มีป้ายบอกทางอยู่บ้าง แต่ถ้าใครหาห้องที่อยากไปไม่เจอจริงๆ ก็ถามสตาฟที่ประจำอยู่แต่ละห้องได้เลย ตอนจะออกเราก็หาทางออกไม่เจอ ต้องให้สตาฟพาออกมา ฮ่าๆ
เกริ่นมาเยอะแแล้วมาดูกันดีกว่าค่ะว่าเป็นยังไงบ้าง ราคาตั๋ว วิธีซื้อตั๋ว การเดินทาง เราขอยกไปเขียนไว้ตอนท้ายของรีวิวนี้นะคะ
อันนี้เป็นวิดีโอที่เราถ่ายมา เปิดดูพร้อมอ่านรีวิวนี้ไปด้วยจะเห็นภาพมากขึ้น
ทางเข้างานหน้าตาแบบนี้ อยู่ใกล้ทางขึ้น Daikanransha Ferris Wheel โอไดบะ เราไปถึงประมาณบ่ายสาม คนค่อนข้างเยอะพอสมควรแต่การจัดการตามสไตล์ญี่ปุ่นคือดีมากๆ เรามาต่อแถวไม่ถึง 10 นาทีก็ได้เข้าไปแล้วค่ะ
พอเข้ามาในอาคาร ฝั่งซ้ายมือจะมีล็อกเกอร์เก็บของ แนะนำให้เอาของติดตัวไปให้น้อยที่สุดจะได้คล่องตัว ฝากของเสร็จก็มายืนรวมกันตรงประตู สตาฟจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ว่าข้างในมีอะไรบ้าง ห้องน้ำอยู่ตรงไหน ระเบียบข้อบังคับในการเข้าชม พอถึงเวลาแล้วก็ปล่อยเข้าไป
ทิปเล็กๆ น้อยๆ จากเรา เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน
- เคลียร์เมมกล้อง เมมมือถือก่อนมา
- ใส่เสื้อเรียบ ไม่มีลวดลาย แนะนำให้ใส่สีขาว ถ่ายรูปแล้วเวิร์ค! ผู้หญิงไม่ควรใส่กระโปรงสั้น บางห้องพื้นเป็นกระจก
- ใส่รองเท้าผ้าใบมาดีที่สุด จะได้สนุกเต็มที่ บางห้องห้ามใส่รองเท้าแตะ รองเท้าส้นสูง เค้าบังคับให้เช่ารองเท้าเปลี่ยนด้วย
- ทานอะไรรองท้องมาก่อน ข้างในไม่มีอาหารขาย
- ห้ามใช้แฟลชตอนถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ
- ห้ามใช้ขาตั้งกล้อง ไม้เซลฟี่
ที่นี่มีแบ่งออกเป็น 5 โซน เราจะพาไปดูทีละโซนนะคะ พร้อมแล้วก็ไปสนุกกันเลย!
1. Borderless World
ผลงานที่เราเห็นในโซนนี้จะเป็นแบบ interactive ถูก render โดยคอมพิวเตอร์แบบ real time ค่ะ เราในฐานะผู้ชมมีส่วนในการสร้างสรรค์งานตรงหน้าเราเอง ดังนั้นภาพที่เราเห็นก็จะไม่เกิดซ้ำกันเลย เช่น ถ้าเรายืนนิ่งๆ ดอกไม้รอบตัวเราจะบานเพิ่มขึ้น ผีเสื้อจะบินเข้ามาหาเรา แต่ถ้าเราไปเหยียบดอกไม้ กลีบดอกไม้ก็จะเริ่มเหี่ยวหายไปทีละนิด
หามุมที่ใช่มุมที่ชอบแล้วโพสต์ท่าถ่ายรูปเต็มที่ แนะนำให้ใช้มือถือถ่ายรูปค่ะ ส่วนตัวคิดว่าสะดวกกว่ากล้องถ่ายรูปเยอะเลย
ตรงนี้เป็นไฮไลท์ของที่นี่ อยู่ในรูปที่ใช้โปรโมทค่ะ ภาพน้ำตกที่เราเห็นจะเปลี่ยนไปตลอด เวลาเราไปยืนบนเนินที่เหมือนก้อนหินแล้วเอามือไปแตะตรงเส้นที่เป็นทางไหลของน้ำจะทำให้เส้นทางน้ำเปลี่ยนค่ะ
ตรงนี้คนเยอะตลอด เวลาถ่ายรูปก็ต่อคิวกันด้วยนะคะ
เส้นทางไหลของน้ำไหลมาจากห้องอื่นๆ แล้วมารวมกันที่นี่ รวมถึงดอกไม้หลากสีสันด้วย
ห้องนี้เป็นการโชว์แสงล้วนๆ มีทั้งแสงขาวและแสงสีแบบ Aurora เจ๋งมาก ดูเพลินสุดๆ
ห้องนี้คือ Crystal World หลอดไฟ LEDs และกระจกรอบๆ ทำให้ห้องนี้ระยิบระยับ สวยมาก แสง สี เสียง การเคลื่อนไหวของภาพตามแนวหลอดไฟจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
2. Athletics Forest
โซนนี้ teamLab ตั้งใจให้เป็น creative physical space ให้เราใช้ร่างกายวิ่งเล่นและสนุกกับสิ่งรอบตัวได้เต็มที่ ในนี้มี slope เยอะมาก ต้องเดินระวังกันหน่อย ดังนั้นโซนนี้จะบังคับเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้า ใครใส่รองเท้าแตะหรือส้นสูงมา บังคับเช่ารองเท้านะคะ (แต่เราไม่ได้เช่าเลยไม่ทราบราคาและไม่เห็นหน้าตารองเท้า แต่คิดว่าเป็นลักษณะเดียวกับรองเท้าผ้าใบ)
ตรงนี้เรียกว่า Graffiti Nature – High Mountains and Deep Valleys จำลองพื้นที่ภูเขา หุบเขา ใกล้ๆ กันมีมุมให้วาดภาพ ระบายสี แล้วภาพที่เราวาดก็จะมาฉายอยู่ในโซนนี้ค่ะ ลองมองหาผลงานตัวเองกันดูได้ ถ้าวาดรูปสัตว์ สัตว์แต่ละชนิดก็จะกินและถูกกินเหมือนในระบบนิเวศน์จริง
ส่วนตรงนี้คือ Multi Jumping Universe จำลอง life cycle ของดาวต่างๆ ในจักรวาล
Giant Connecting Block Town ลองนำบล็อกต่างๆ มีทั้งบ้าน สถานีรถไฟมาวางเพื่อสร้างเมืองขึ้นมา สนุกและน่ารักดีค่ะ
Weightless Forest of Resonating Life พื้นบริเวณนี้จะเด้งนิดนึง ถ้าเราไปแตะบอลลูน สีของบอลลูนก็จะทยอยเปลี่ยนไปทีละลูกค่ะ ดังนั้นพอมีหลายคนอยู่ตรงนี้ก็จะมีหลายสีผสมกันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
Light Forest เหมือนปีนหน้าผาจำลอง เวลาปีนแต่ละทีก้อนหินก็จะเปลี่ยนสี และมีเสียงแตกต่างกันออกไป
3. Future Park
ออกแรงในโซนที่แล้วไปกันเยอะ มาพักที่โซนนี้ได้ค่ะ artwork น่ารัก สดใส เด็กๆ น่าจะชอบ
A Table where Little People Live บนโต๊ะจะมีคนตั๋วจิ๋วเต็มไปหมด ถ้าเราย้ายของไปวางตรงไหน คนตัวจิ๋วก็จะเดินข้ามบ้าง กระโดเบ้าง ถ้าเราย้ายจานในรูปไปไว้ตรงอื่น แอปเปิ้ลก็จะหายไปและไปโผล่ตรงจุดใหม่ทันที
A Musical Wall where Little People Live อันนี้คล้ายกับโต๊ะข้างบน เอาของไปแปะที่กำแพงแล้วรอดูว่าคนจิ๋วจะทำยังไง มีเสียงและดนตรีน่ารักๆ ประกอบด้วย
นอกจากนี้ก็มี Sketch Aquarium ให้วาดรูปแล้วนำไปสแกน จากนั้นรูปที่เราวาดก็จะขึ้นไปอยู่บนกำแพงห้องพร้อมกับรูปของคนอื่นๆ ด้วย และมีสไลเดอร์ด้วย
4. Forest of Lamps
โคมไฟในห้องนี้จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ตามการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ในห้อง ประมาณว่าพอคนแรกเข้าไป โคมไฟที่อยู่ใกล้คนนั้นก็จะสว่างขึ้นมาสีนึง แล้วโคมไฟดวงอื่นก็จะค่อยๆ สว่างตาม พอมีคนอยู่ในห้องหลายคนก็จะมีแสงหลายสีผสมกัน เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ข้ามกันไปมานั่นเอง สวยมาก งานดี งานละเอียด ชอบมาก
ตอนเราไปต้องต่อแถวเพื่อรอเข้าห้องนี้ค่ะ รอไม่นาน ประมาณ 10 นาที แต่ละรอบเค้าจำกัดเวลา รู้สึกจะไม่ถึง 5 นาทีค่ะ หมดเวลาปุ๊ปคือให้ออกทันที เราก็ไม่ทันได้จับเวลาตอนอยู่ข้างใน เข้าไปแล้วก็ต้องกดชัตเตอร์รัวๆ ไปเลยค่ะ ย้ำค่ะ รัว รัว รัวววว!! เวลาน้อยแถมโคมไฟเปลี่ยนสีเร็วมากจริงๆ
5. EN Teahouse
มาถึงโซนสุดท้าย คือ ร้านชา EN Teahouse เราไม่ได้เข้าไปนะคะ พอดีต้องรีบไปที่อื่นต่อ เสียดายมาก T T แต่มองเห็นจากข้างนอก เข้าไปนั่งจิบชาเงียบๆ สวยๆ ในถ้วยชาของเราจะมีดอกไม้บานและลอยอยู่ตลอดเวลา สวยมากเลย คราวหน้าต้องไปให้ได้
ใครมีแพลนมาโตเกียวเราไม่อยากให้พลาดที่นี่จริงๆ ค่ะ เผื่อเวลาไว้ซัก 3-4 ชั่วโมงหรือครึ่งวันเพราะจะสนุกจนลืมเวลากันเลย เราอยู่ในนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงยังเดินไม่ทั่วเลย
ถ้าเพื่อนๆ ดูภาพต่างๆ ในรีวิวนี้แล้วไปเที่ยวเองแต่ไม่เจอแบบเราก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะงานบางส่วนเค้าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เอาจริงๆ แค่เราเดินออกจากห้องนึงแล้วพอเดินกลับมาถ่ายรูปใหม่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
รายละเอียดเพิ่มเติม
MORI Building DIGITAL ART MUSEUM: teamLab Borderless
Odaiba Palette Town, 1-3-8 Aomi, Koto-ku, Tokyo, Japan
Website: https://borderless.teamlab.art/
ราคาตั๋ว
- ราคา Early Bird ถึง 31 ก.ค. (เดือนก.ค. ตั๋วขายหมดแล้ว) – ผู้ใหญ่ราคา 2,400 เยน เด็กอายุ 4-14 ปี 1,000 เยน
- หลัง 31 ก.ค. – ราคาปกติผู้ใหญ่ 3,200 เยน เด็กอายุ 4-14 ปี 1,000 เยน
วิธีซื้อตั๋ว *แนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าและเช็คดูให้ดีก่อนว่าวันที่อยากไปตั๋วหมดแล้วหรือเปล่า*
- ซื้อออนไลน์ล่วงหน้าที่ https://borderless.teamlab.art/#ticket เลือกวันที่จะไป จำนวนตั๋ว จ่ายเงินโดยใช้บัตรเครดิตเท่านั้น พอซื้อเสร็จจะมีเมลส่ง QR Code มาให้ และนำโค้ดมาสแกนตอนเข้างานค่ะ
- หน้างานมีตู้ขายตั๋วแต่ไม่แน่ใจว่าจำกัดวันละกี่ใบค่ะ จ่ายได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต
เวลาเปิด-ปิด:
จันทร์-พฤหัสบดี 11:00–19:00 (21:00**)
ศุกร์ 11:00–21:00 (22:00**)
เสาร์ 10:00–21:00 (22:00**)
อาทิตย์ วันหยุด 10:00–19:00 (20:00**)
** 21 มิ.ย. – 31 ส.ค. ปิดตามเวลาในวงเล็บ
หยุดทุกวันอังคารที่ 2 และ 4 ของเดือน
เดือนส.ค. 2018 เปิดทุกวันยกเว้นวันศุกร์ที่ 10 ส.ค. และอังคารที่ 28 ส.ค.
การเดินทาง
- รถไฟ Rinkai Line ลงสถานี Tokyo Teleport
- รถไฟ Yurikamome Line ลงสถานี Aomi
จากสถานีเดินตามป้ายมาเรื่อยๆ ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง ทางเข้าอยู่ใต้ Daikanransha Ferris Wheel หาง่าย ไม่หลงแน่นอนค่ะ
อ่านรีวิวญี่ปุ่นเพิ่มเติม
- ฮิโรชิมา…วันเดียวก็เที่ยวครบ: เปิดโพยร้านอร่อยและแผนเที่ยวสบายๆ สไตล์ Foodie’s Journie
- ข้าวหน้าปลาไหลย่างของร้านในตำนาน @Ueno Anagomeshi, Hiroshima
- จัดเต็มกับหอยเผาชุดใหญ่ที่ร้านเด็ดโดนใจ @Kakigoya, Hiroshima
- http://บุกต้นตำรับราเมนข้อสอบ! สัมผัสตำนานกับร้านหลักของ Ichiran Ramen
- 20 รสชาติคิทแคทของดีแต่ละภูมิภาคที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นห้ามพลาด!
- พาเที่ยวคาเฟ่นกฮูกสุดน่ารัก Owl Family Hakata ที่ Fukuoka