สวัสดีค่ะ
ทางเราได้รับเกียรติจากร้านอาหารฝรั่งเศสบรรยากาศดีอย่าง ร้าน Scarlett ที่ตั้งอยู่ที่โรงแรม Pullman Bangkok Hotel G เชิญให้มาชิมเมนูหน้าตาดีที่ใช้ Pear & Apple หลากพันธุ์ที่ปลูกในฝรั่งเศสมาเป็นวัตถุดิบ โดยแพร์และแอปเปิ้ลทั้งหมดนำเข้ามาจากฝรั่งเศสโดย Mouneyrac Brothers ค่ะ ซึ่งที่นี่เขาได้ทำมาถึง 3 generations กันแล้วเลยทีเดียว เรียกว่าเชื่อฝีมือได้อย่างแน่นอน
ฟังแล้วก็เริ่มสนใจใช่ไหมละคะ ว่าเชฟจะนำ Pear & Apple ต่างพันธุ์เหล่านี้มารังสรรค์เป็นเมนูอร่อยอะไรบ้าง ตามมาชิมกันเลยดีกว่าค่ะ
ร้าน Scarlett นั้นตั้งอยู่ที่ชั้น 37 ของ โรงแรม Pullman Bangkok Hotel G
อยู่สูงขนาดนี้ไม่แปลกเลยที่ร้านจะล้อมรอบไปด้วยวิวดีๆ ที่ให้คุณได้ชมโฉมตึกระฟ้าของกรุงเทพกันเพลินๆ
ด้านในจะตกแต่งแบบสบายๆ แถมกลิ่นอายบรรยากาศทันสมัย เอาใจคนรุ่นใหม่ ทั้งโต๊ะยาว พร้อมเก้าอี้ทรงสูง ไปจนถึง ความคึกคักและเสียงพูดคุยจอแจที่ทำให้ร้านดูมีชีวิตชีวา ไม่ได้ดูมาแนวหรูจนคนกินจะต้องเกร็ง
ตอนเดินผ่านทางเข้าหน้าร้านเราเหลือบเห็นตู้ชีส เห็นแล้วก็ต้องทำตาโตร้องโอ้โหกันเลยทีเดียวเพราะมีชีสชั้นเยี่ยมให้เลือกหลากหลายชนิดมาก ละลานตาจนเลือกซื้อหากันแทบไม่ถูก ใครที่เป็นคอชีสแล้วได้มาร้านนี้ บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ
นั่งแล้วก็สั่งค็อกเทลอร่อยๆ
ไม่ก็สั่งไวน์มาจิบให้พอเคลิบเคลิ้ม
ที่นี่มี sommelier ที่คอยแนะนำเรื่องไวน์ด้วย ชอบแบบไหนอย่างไรลองพูดคุยกันได้แล้วเค้าจะช่วยเลือกให้ถูกใจค่า
ก่อนจะถึงอาหารก็มีรองท้องด้วยขนมปังเล็กน้อย ขนมปังที่นี่อร่อยทานเพลิน กว่าจะรู้ตัวก็หมดไปแล้วถึงสามชิ้นแน่ะ
คุยกันพอหอมปากหอมคอ อาหารที่เราตั้งตาคอยก็ทยอยมาเสิร์ฟ
เริ่มจาก starter จานแรก
Carpaccio seabream with Royal Gala apple jelly and tartar (550B)
จานนี้เป็นคาปาชิโอปลา Seabream ที่เสิร์ฟพร้อมผัก แครอทฝานแผ่นบาง และเพิ่มกลีบดอกไม้ให้สีสวยงาม
เมนูนี้ใช้แอปเปิ้ลพันธุ์ Royal Gala มีมาทั้งในรูปแบบแผ่นบางและเยลลี่แอปเปิ้ลกลิ่นหอมหวาน รสแอปเปิ้ลที่หวานอ่อนๆ เข้ากันได้ดีกับปลา Seabream ที่ค่อนข้างจะ delicate
จานถัดมาหน้าตาสวยงามสุดๆ กับเมนู Poached lobster with Granny Smith apple and celeriac rémoulade (690B)
ล็อบสเตอร์ที่ใช้นั้นเป็น Maine Lobster ไม่ผิดแน่เพราะมีตัว claw ชิ้นใหญ่มาให้ได้ชิม ส่วนแอปเปิ้ลที่เชฟเลือกมาจับคู่กับเมนูนี้ก็เป็นแอปเปิ้ลพันธ์ุแกรนนี่สมิธ นำไปหั่นชิ้นเล็กๆ ผสมน้ำสมสายชูและมะนาวเล็กน้อย ออกมาเป็น celeriac remoulade ที่คล้ายคลึงกับแนวๆ coleslaw
ปิดท้ายเซ็ต starter ด้วยจานที่ทำให้ใจละลาย
คือเมนู Pan-seared foie gras with poached Passe Crassane pear in red wine (810B)
ฟัวกราส์จานนี้ต้องขอชมจากใจเพราะ sear มาได้พอดิบพอดีเสียเหลือเกิน รสสัมผัสดีงามทั้งด้านนอกที่เกรียมเล็กๆ และด้านในที่ยังนุ่ม เสิร์ฟคู่มากับลูกแพร์พันธุ์ Passe Crassane และราดซอสไวน์แดงที่ทำมาได้รสชาติลงตัว
ต่อมาก็มาถึงจานหลักกันบ้าง
เริ่มกันที่ Pork tenderloin caramelized Belchard apple with calvados and almond crumble (860B)
หมูสันนอกชิ้นโตที่เสิร์ฟมาคู่กับมันบดผสม root veggies จานนี้มาพร้อมแอปเปิ้ล Belchard และราดด้วยบรั่นดี Calvados ด้านบนเพิ่มรสสัมผัสกรุบกรอบด้วย almond crumble
ตัวเองไม่เคยชิม แอปเปิ้ล Belchard มาก่อน พบว่ามีความหวานหอมเฉพาะตัวที่น่าสนใจทีเดียว
ต่อมาด้วยเมนู Duck breast pan-seared Conference pear with honey and Szechuan pepper (720B)
อกเป็ดจานนี้เชฟใจกล้าทำมาในความสุกระดับ medium เนื้อยังออกสีชมพูสวย ว่ากันว่าถ้าไม่แน่จริงเชฟจะไม่เสี่ยงทำเป็ดระดับ medium กัน ตัวหนังทำมารสชาติเข้มข้น เนื้อเป็ดนุ่ม มีความเหนียวอยู่บ้างเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมลูกแพร์พันธุ์ conference ทานคู่กับแครอทหัวเล็กๆ น่ารัก
อีกจานที่ดูธรรมดาแต่มาคว้าใจเราไปก็เห็นจะเป็นเมนู Snow fish with Comice pear scales and a salted butter purée (950B)
ปลาหิมะเนื้อนุ่ม มีความมันแทรกซึมอยู่แบบที่กัดไปแล้วรู้สึกนุ่มละลายในปาก ด้านบนเป็นซอสโฟมสีเขียวตัดกันกับปลาเนื้อขาว เสิร์ฟพร้อมลูกแพร์ comice รสหวาน และ salted butter purée ที่ให้ความเค็มเล็กๆ มาช่วยตัดกัน
ปิดท้ายมื้ออร่อยด้วยของหวานอีกถึงสามจาน ตั้งแต่ Belle Hélène Conference pear (250B)
จานนี้เป็นของหวานต้นตำรับดั้งเดิมของฝรั่งเศส เชฟทำออกมาเป็นรูปเห็ดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Mario
ส่วนโคนของเห็ดเป็นลูกแพร์ conference ที่ถูกนำไปต้มในน้ำเชื่อมจนเนื้อนุ่ม ด้านบนคือวานิลลาไอศครีมที่ทำมาข้นเหนียวละลายยากเป็นพิเศษ
ตอนตักดูจากสัมผัสแล้วไม่นึกว่าเป็นไอศกรีม เลยมีเซอร์ไพรส์ตอนที่ทานเข้าไปแล้วพบว่าส่วนที่นึกว่าเป็นครีมชิ้นนี้ ทั้งหวานอ่อนๆ และเย็นชื่นใจกำลังพอดี
ถัดมาเป็นเมนูที่น่าตื่นตาตื่นใจ
เมนูนี้มีชื่อว่า Scarlett Clochard apple lover (250B) เชฟตั้งใจทำรูปทรงออกมาให้เหมือนแอปเปิ้ล
เสิร์ฟมาให้พร้อมกับช็อกโกแลตร้อน กะมาราดเปลือกช็อกโกแลตสีแดงด้านนอกให้ละลาย แต่ปรากฏว่า ราดไปกลับไม่ค่อยละลายเสียอย่างนั้น
ด้านในเป็นแอปเปิ้ลพันธุ์ clochard ที่นำไปต้มมาจนนิ่ม และ ไอศกรีมวนิลา
ตักแอปเปิ้ลคำ ไอศกรีมคำ ช็อกโกแลตคำ ทานวนไปได้เรื่อยๆ ไม่รู้เบื่อ
ปิดท้ายท้ายสุดด้วยของหวานจานที่ทุกคนลงมติเอกฉันท์โหวตให้เป็นที่หนึ่งจากทั้งสามจานคือ Pain perdu roast Chantecler apple and beer sherbet (250B)
เมนูนี้ทำให้ถึงกับต้องสอบถามและได้ความว่าทางร้านมี pastry เชฟต่างหากเลยอีกหนึ่งคน ถึงว่าตัวขนมปังทำออกมาได้อร่อยนักเรียกว่า French toast ที่อื่นๆ ต้องชิดซ้าย ด้วยความกรอบนอกนุ่มในและกลิ่นหอมเฉพาะตัวของตัวชิ้นขนมปัง
เคล็ดลับมีอยู่ว่าตัวขนมปังที่นำมาทำ French toast นั้นเป็นขนมปัง homemade ของทางร้าน เช่นเดียวกับ Beer Sherbet ที่ทำมาหอมอ่อนๆ ไม่เข้ม ไม่กลิ่นแรงหรือขมเบียร์จนเกินไปทานได้สบายๆ เข้ากันดีกับแอปเปิ้ล chantecler ที่เสิร์ฟมาคู่กัน จบมื้อนี้ลงอย่างสุดแสนจะประทับใจ
เป็นอย่างไรบ้างคะ งานนี้มีแต่เมนูดีๆ ที่ดูน่าทานทั้งนั้นเลยใช่ไหมคะ
ใครที่ชมแล้วสนใจ ชวนไปลิ้มลองกันได้ที่ Pullman Bangkok Hotel G ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีค นี้นะคะ