รูปแบบการรับประทานอาหารแบบ Chef’s Table เป็นที่นิยมมากขึ้นในกรุงเทพฯ มีร้านอาหารหลายร้านที่เปิดเป็นในลักษณะนี้ หรือจัดเป็น pop-up dinner แค่ชั่วคราว วันนี้เราจะพาไปทานอาหารที่ Mighty Private Dining ในซอยสุขุมวิท 49/14 กันค่ะ
ตัวร้านตกแต่งสไตล์โคโลเนียล เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งต่างๆ ล้วนเป็นของแอนทีคที่เจ้าของร้านสะสมไว้ค่ะ
ร้านอาหารหลายร้านจะมีห้องส่วนตัวไว้บริการ แต่เจ้าของร้าน Mighty อยากให้ทั้งร้านอาหารทั้งร้านเป็นร้านส่วนตัวของลูกค้าไปเลย จะได้ทานอาหารในบรรยากาศสบายๆ จึงเป็นที่มาของ Mighty Private Dining ค่ะ
สไตล์อาหารที่นี่ไม่ได้กำหนดไว้ตายตัว แต่เจ้าของร้านและเชฟตั้งใจสร้างสรรค์เมนูที่อร่อยมอบให้แก่ลูกค้าที่มาทาน อาหารหลายเมนูเป็นอาหารอิตาเลียนแต่ปรับให้ Contemporary มากขึ้น
ร้าน Mighty Private Dining เปิดให้บริการวันละสองรอบ คือ มื้อกลางวันและมื้อเย็น รองรับลูกค้าได้สูงสุดรอบละ 14 คน เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอโต๊ะทานอาหารยาวตั้งอยู่กลางร้านติดกับครัวเปิด ทำให้เรามองเห็นบรรยากาศการทำอาหารได้ชัดเจน
เมนูอาหารของที่ร้านจะเปลี่ยนตามฤดูกาล เมนูที่เราทานในรีวิวนี้เป็น Spring Menu (คลิกดู Lunch Menu และ Dinner Menu) มื้อกลางวันมี 3 คอร์ส มื้อเย็นมี 4,5 และ 6 คอร์ส เราจองเป็นมื้อเย็น 4 คอร์สค่ะ
มาถึงแล้วก็นั่งรอที่โต๊ะ ฟังเพลงคลอไปเบาๆ ก่อนเชฟจะนำ Amuse Bouche มาเสิร์ฟ
วันที่เราไปทานเป็นหอยนางรมจาก Miyagi ประเทศญี่ปุ่น สดมาก ไม่คาวเลย ด้านบนเป็น lemon yuzu caviar รสชาติเข้ากันดี อร่อย เรียกน้ำย่อยดีมาก
Appetizer
Hokkaido Scallop หมักเกลือ น้ำตาล มะนาว แล้วนำไป sear หอยเชลล์สด หวาน เนื้อแน่นดีค่ะ เสิร์ฟพร้อม beetroot tartare และเจลที่ทำจากบีทรูทต้มกับ red wine vinegar หลายคนอาจจะไม่ชอบทานบีทรูทเพราะมีกลิ่นดิน แต่ที่นี่ทำมาดีมาก ไม่มีกลิ่นเลย นอกจากนี้ยังมี smoked creme fraiche สีขาว เชฟนำ sour cream ไปรมควันกับเปลือกไม้ เปลือกส้ม เปลือกมะนาว โรสแมร์รี และใบไทม์
Homemade Fresh Ricotta Dumpling in Consomme Roasted Vegetables
เกี๊ยว Ricotta Cheese Consomme หรือซุป ทำจากผักย่าง รสชาติ น้ำสต็อก ทำจากผักหลากชนิดอบแห้ง รสชาติเข้มข้น หอม
ระหว่างรอ Main Course เราก็สามารถดูเชฟเตรียมอาหารได้อย่างใกล้ชิด
เราไปทานกัน 4 คนเลยสั่ง 2 อย่าง
Chicken Roulade with sautée brussel sprouts, crispy skin with tarragon mustard sauce
ไก่ sous-vide เนื้อนุ่ม นำไปม้วนและ sear หนังไก่ด้านนอกกรอบ ซอสทำจากไก่ผสม tarragon mustard รสเค็มและหวาน
Tender honey-glazed pork neck burnt red onion with red wine grained mustard sauce
เนื้อหมูส่วนคอ sous-vide ทำให้เนื้อหมูนุ่ม ทานกับผักดอง แอปเปิ้ล และมันฝรั่ง จานนี้ก็อร่อยอีกแล้ว
มาถึงขนมหวานกันบ้าง
เราสั่งมา 2 อย่างเหมือนกัน จานแรก White chocolate yuzu, raspberry gel and fresh fruits
white chocolate เนียนนุ่ม ด้านในเป็น yuzu jelly ช็อกโกแลตหวานน้อย ไม่แสบคอ ทานเข้าไปแล้วจะได้รสเปรี้ยวและกลิ่นหอมของส้ม yuzu ละมุนมาก ทานกับ raspberry gel และเบอร์รีสด เข้ากันดีและอร่อยมากค่ะ เวลาทานแนะนำให้ตักลงไปให้ถึง Sablé หรือคุกกี้เนยด้านล่าง จะได้ texture ที่ตัดกัน ทานสนุกไปอีกแบบ
Passion fruit curd, coconut crumble with deep-fried sweet pastry
ขนมหวานจานนี้ก็เบาท้องดีค่ะ ด้านล่างเป็นเคิร์ดเสาวรสเนื้อข้น ด้านบนเป็นโฟมเสาวรส โรยด้วยครัมเบิ้ลมะพร้าว แป้งพาสต้าทอดกรอบรสหวานนิดๆ
ทานจบคอร์สแล้วต้องบอกเลยว่าประทับใจมื้อนี้มาก ทางร้านใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจริงๆ ค่ะ ประกอบกับการใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ของเชฟทำให้อาหารแต่ละจานที่ออกมาเสิร์ฟอร่อยมากๆ
ทานอาหารเสร็จแล้วจะมานั่งชิลที่ห้อง Maximus V ด้านหน้าต่อก็ได้ เป็นห้องสำหรับนั่งสูบซิการ์และจิบวิสกี้
ในตู้กระจกคือซิการ์ทองคำ แท่งละประมาณ 8 หมื่นบาท!! มีชิพฝังอยู่ด้วยค่ะ ถ้าหายไปก็หาเจอแน่นอน
ราคาอาหาร/Price
- Lunch 3 courses 1,500 THB++
- Dinner
- 4 courses 2,600 THB++
- 5 courses 3,200 THB++
- 6 courses 3,800 THB++
การจอง/Reservation
ใครอยากมาทานอาหารที่ Mighty Private Dining ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ ขั้นต่ำ 4 ท่าน (หากมา 2 ท่านจะต้องสั่ง 6 คอร์ส) ระบุเมนูที่อยากทาน และเลือกต่างกันได้ไม่เกิน 2 รายการ ถ้าสนใจ Wine Pairing หรือ Beer Pairing ก็สามารถสอบถามทางร้านเพิ่มเติมได้ค่ะ