5 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวใน’กุ้ยหลิน’ ที่เรียกขานว่าเมืองสวรรค์บนพื้นพิภพ

 

กุ้ยหลินนั้นเป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของชาวไทย การเดินทางไปนั้นสะดวกสบาย ใช้เวลาไม่นานมากนัก และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามติดอันดับต้นๆ ของประเทศจีนอยู่หลายที่ ทั้งเทือกเขาสลับซับซ้อนที่สวยงาม ภูเขาหินปูนรูปทรงชวนให้จินตนาการเป็นภาพต่างๆ และถ้ำที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลกตา

ธรรมชาติที่กุ้ยหลินนั้นงดงามจนได้สมญานามว่าเมืองสวรรค์บนพื้นพิภพ  หรือที่เรียกว่า ซื่อไหว้เถ้าหยวน ในภาษาจีน

กุ้ยหลินเป็นต้นแบบความงามและโด่งดังไปทั่วในหลายประเทศจนเมื่อมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมักถูกเปรียบเทียบกับกุ้ยหลิน เช่น เรียกเขื่อนเชี่ยวหลานว่ากุ้ยหลินของเมืองไทยบ้าง หรือเรียกวังเวียงว่ากุ้ยหลินเมืองลาวบ้าง เป็นอันรู้กันว่ามีธรรมชาติที่สวยงามควรค่าแก่การไปเยือน

 

5 สถานที่ท่องเที่ยงชื่อดังของกุ้ยหลิน
5 สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของกุ้ยหลิน

 

วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 อันดับสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในกุ้ยหลิน ที่คุณไม่ควรพลาดจะไปเยี่ยมชมสักครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ

 

อันดับ 1 เขางวงช้าง  (Elephant Trunk Hill)

 

เขางวงช้าง (Elephant Trunk Hill)
เขางวงช้าง (Elephant Trunk Hill)

 

มาถึงกุ้ยหลินทั้งทีก็ต้องไปชมเขางวงช้างที่โด่งดังจนถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง

ตำนานเล่าว่าช้างจากสวรรค์ลงมาดื่มน้ำแล้วติดใจความสวยงามของกุ้ยหลินจึงไม่ยอมกลับขึ้นสวรรค์

เรื่องของเรื่องก็น่าจะมาจากรูปร่างภูเขาหินนี้ที่พิศดีๆ ดูราวกับช้างกำลังยื่นงวงลงดูดน้ำก็ไม่ปาน คนโบราณจึงเรียกว่าเขางวงช้างต่อๆ กันมา

บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นสบายตาด้วยป่าไม้สีเขียวชอุ่มรอบด้าน อีกทั้งทิวทัศน์รอบด้านนั้นก็สวยงามสมกับที่ดึงดูดช้างสวรรค์ไว้ได้ เช้านี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝน แสงดูหม่น แต่ก็ทำให้อากาศเย็นดีทีเดียว

หากมีเวลาแนะนำให้ล่องแพชมความงามของเขางวงช้างรอบด้านค่ะ ลมเย็นสดชื่น สบายกายสบายใจมากๆ เลยค่ะ

 

 

อันดับ 2 ถ้ำขลุ่ยอ้อ (Reed Flute Cave)

 

Reed Flute Cave
Reed Flute Cave

 

ถ้ำขลุ่ยอ้อนั้นเป็นหนึ่งในถ้ำที่สวยที่สุดของเมืองจีน กินบริเวณกว้างใหญ่มีหินงอกหินย้อยรูปทรงหลากหลายแปลกตา บริเวณกว้างขวางภายในถ้ำนั้นครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับสมเด็จพระพี่นางเมื่อครั้งเสด็จเยือนเมืองกุ้ยหลินอีกด้วย

ภายในของถ้ำขลุ่ยอ้อนั้นมีการจัดแสดงแสงสีเสียงน่าตื่นตา

เริ่มจากการฉายไฟสีต่างๆ ให้กระทบหินงอกหินย้อยในถ้ำจนมองเห็นเป็นรูปทรงแปลกตา และยังมีการฉายหนังสามมิติบนเพดานกว้างเป็นเรื่องราวอีกด้วย

ที่ประทับใจมากๆ คือ การแสดงแสงสีเสียงบนโปรเจกเตอร์ผืนบางที่อยู่เหนือเวิ้งน้ำ ซึ่งนำเสนอการเต้นบัลเลต์เพลง Swan Lake บนฉากเหนือบ่อน้ำแลดูราวกับมีนักบัลเลต์ตัวจริงแสดงลีลาพลิ้วไหวอยู่บนผิวน้ำสวยงามจับตา

เป็นอีกที่ที่ถ้าได้มากุ้ยหลินอยากแนะนำให้มาเที่ยวชมกันค่ะ

 

ภาพสวยๆ ในถ้ำมีอีกมากเลยค่ะ

สนใจติดตามอ่านรีวิวถ้ำขลุ่ยอ้อและชมรูปหลากสีสันภายในถ้ำได้ที่ Reed Flute Cave

 

อันดับ 3 แม่น้ำพบมังกร (Yulong River)  และ ภูเขาวงพระจันทร์  (Moon Hill)

 

แม่น้ำพบมังกร (Yulong River)
แม่น้ำพบมังกร (Yulong River)

 

หนึ่งในสถานที่ที่นิยมถ่ายภาพกันมาก็คือแม่น้ำพบมังกร (Yulong River) หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า Dragon River

แม่น้ำพบมังกรนี้เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำลี่เจียงอันเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำแยงซีอีกที สองข้างแม่น้ำนั้นมีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ทิวทัศน์สวยงามราวภาพวาด

ความสวยงามของแม่น้ำลี่เจียงเป็นที่เลื่องลือจนภาพได้ไปปรากฏอยู่บนธนบัตรของจีน ที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็นแม่น้ำที่ใสจนเห็นเป็นสีเขียวมรกตสะท้อนภาพภูเขาและท้องฟ้าสวยงาม

ช่วงที่เราเดินทางนั้นฝนตก แม่น้ำจึงไม่ใสนัก แต่ก็ยังสวยงามเหลือจะกล่าว

มุมของแม่น้ำพบมังกรที่โด่งดังมุมนี้เป็นเพราะมีสะพานข้าม ด้านล่างมีเรือแพรับจ้างอยู่เต็ม ทำให้สามารถถ่ายภาพจากบนสะพานลงไปเห็นวิวแม่น้ำ ภูเขา และเรือแพ ได้บรรยากาศสุดๆ

ชมภาพ Yulong River จากตากล้องมืออาชีพ

Credit: www.facebook.com/Travelkanuman

 

ถัดจากสะพานข้ามแม่น้ำไปไม่ไกลนักก็ยังมี ภูเขาวงพระจันทร์  (Moon Hill)

 

ภูเขาวงพระจันทร์ (Moon Hill)
ภูเขาวงพระจันทร์ (Moon Hill)

 

มีตำนานเล่าขานว่าแม่ทัพผู้เกรียงไกรในสมัยโบราณนั้นสามารถยิงธนูทะลุภูเขาได้ถึงสามลูก เกิดเป็นภูเขาวงพระจันทร์ขึ้น

ที่ว่าดังนี้เพราะในแถบเมืองกุ้ยหลินนั้น มีภูเขาอันเป็นบริเวณโค้งตามธรรมชาติดูราวกับครึ่งวงพระจันทร์เสี้ยวสามแห่งด้วยกัน

เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีนิกสันมาเยือนจีนก็ยังแวะมาชมความน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติของภูเขาวงพระจันทร์อันนี้

 

 

อันดับ 4 ถนนฝรั่งเมืองหยางซัว (Yangshuo West Street)

  

ถนนฝรั่งเมืองหยางซัว (Yangshuo West Street)
ถนนฝรั่งเมืองหยางซัว (Yangshuo West Street)

 

ถนนคนเดินเมืองหยางซัวมีอีกชื่อเรียกกันว่าถนน(ชาว)ตะวันตก หรือ West Street (Xi Jie) เพราะที่นี่มีชาวต่างชาติมาเดินเที่ยวชมไม่ขาดสาย

นอกจากของซื้อของขายที่มีมากมายละลานตาแล้ว ไฮไลท์ก็เห็นจะเป็นของอร่อยหลากหลายที่มีให้เลือกเดินชิม ทั้งไก่ย่าง ไส้กรอกย่าง ขนมหวาน ไปจนถึงเครื่องดื่มนานาชนิด

ช่วงกลางวันนั้นเราได้ไปชมเบื้องหลังการทำน้ำมะพร้าวกะทิที่หอมเข้มข้นสูตรที่ไม่เคยพบในเมืองไทย  หนึ่งในเมนูเครื่องดื่มยอดฮิตของที่นี่ที่มีซุ้มวางขายเป็นระยะๆ ตลอดทาง ชมสาธิตการทำตังเมแบบโบราณที่ดึงด้วยมือจนน้ำตาลเคี่ยวร้อนๆ กลายเป็นขนมหวานก้อนแข็งเม็ดเล็ก ตังเมของที่นี่จะเป็นรสขิงที่หวานและเผ็ดร้อนในคราเดียวกัน และยังได้ชิมไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟแท่งโต  ต่อด้วยน้ำมะม่วงที่มีทั้งเชอร์เบทมะม่วง ไอศกรีมวนิลา มะม่วงสดฝานบางจนจัดเป็นรูปกลีบดอกไม้ได้สวยงาม แถมใจป้ำโปะด้วยวิปครีมอีกชั้น ในคาเฟ่กุ๊กกิ๊กน่ารัก

พอตกเย็น ถนนเดียวกันนี้กลับคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนและครึกครื้นไปด้วยแสงสียามค่ำคืน คลับหลายแห่งแข่งกันเปิดเพลงเสียงดังสนั่น มีคนเต้นและดื่มกันอยู่ไม่น้อย

แต่ที่ดึงดูดความสนใจนักชิมอย่างเราเห็นจะเป็นซุ้มอาหารทะเลปิ้งย่างที่มีให้เห็นแทบทุกมุมถนน  กลิ่นหอมหวนยวนใจ จนต้องหยุดซื้อมาชิมจนครบเซ็ต ตั้งแต่ล็อบสเตอร์ หอยนางรม และหอยเชลล์ย่าง

ถนนฝรั่งนี้บรรยากาศสนุกสนานน่าตื่นตาตื่นใจทั้งสไตล์คนกลางวันและหมู่ผีเสื้อราตรี จึงต้องแนะนำให้เป็นอีกที่ที่น่าไปลองเดินชมค่ะ

 

 

 

 

อันดับ 5 นาขั้นบันไดหลงจี๋ (Longji Rice Terraces)

 

นาขั้นบันไดหลงจี๋ (Longji Rice Terraces)
นาขั้นบันไดหลงจี๋ (Longji Rice Terraces)

 

และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ที่อยากแชร์ที่สุดคือภาพของนาขั้นบันไดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองหลงเซิ่ง

บริเวณที่เราไปนั้นเรียกว่าหลงจี๋หรือสันหลังของมังกร (Dragon’s Backbone) อันเป็นนาขั้นบันไดที่เริ่มสร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน ไล่มาจนถึงในสมัยราชวงศ์ชิง

หากมาช่วงเพาะปลูกราวมิถุนายนจะได้เห็นน้ำที่ขังอยู่เหมือนเป็นขั้นบันไดกระจก ส่วนถ้ามาหน้าก่อนเก็บเกี่ยวช่วงกันยายนก็จะได้เห็นรวงข้าวสีทองเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Longji Rice Terraces

 

 

นาขั้นบันไดหลงจี๋ (Longji Rice Terraces)
นาขั้นบันไดหลงจี๋ (Longji Rice Terraces)

 

ด้วยความสวยงามยกให้ที่นี่เป็นอันดับหนึ่ง แต่ที่จัดให้เป็นอันดับห้าก็เนื่องมาจากเรื่องความสะดวกสบาย ที่นี่ต้องนั่งรถข้ามเมืองเข้ามาค่อนข้างไกล เมื่อมาถึงแล้วก็ยังต้องต่อรถโดยสารสาธารณะของที่นี่ (ไม่อนุญาตให้รถทัวร์ส่วนบุคคลขึ้น) อีกประมาณ 40 นาที ทางรถวิ่งเป็นหน้าผาสูงชัน มองลงไปก็เห็นหุบเหวมีแม่น้ำอยู่ด้านล่าง ถนนแคบมากจนรถสวนกันทีหัวใจจะวาย นึกดีใจที่เป็นรถบัสที่ขับโดยพนักงานผู้เชี่ยวชาญที่ขับขึ้นลงวันหนึ่งๆ เป็นสิบรอบ

หลังจากนั่งรถทัวร์ขึ้นมาถึงแล้วก็ยังต้องต่อเคเบิ้ลคาร์เป็นเวลาอีกประมาณ 20 นาที โดยรวมๆ แล้วการเดินทางไปกลับก็จะปาเข้าไปประมาณเกือบสี่ชั่วโมงต่อขา หากมาทัวร์ที่รถทัวร์เบาะดีนุ่มสบายนอนหลับได้อย่างเราก็ไม่มีปัญหา แถมตอนนั่งรถโดยสารสาธารณะทางทัวร์ก็เหมาคันให้ ช่วยลดเวลาการต่อคิวไปมาก แต่หากมาเจอรถทัวร์ที่นั่งไม่สบายนักและต้องมาตากแดดตากฝนต่อคิวรอรถขึ้นเขาเองเป็นชั่วโมงๆ ก็ถือว่าเป็นที่ที่มาค่อนข้างลำบากเลยทีเดียว

งานนี้ที่สนุกสนานเป็นพิเศษเห็นจะเป็นการขึ้น cable car เพราะที่นี่ไม่มีการชะลอ คนโดยสารต้องวิ่งกระโดดขึ้นไปให้ทันเอง

ถึงจะน่าหวาดเสียวไปสักหน่อยแต่พอเห็นวิวจากหน้าต่างแล้วฟินสุดๆ ทิวทัศน์ของนาขั้นบันไดที่สวยจนแทบลืมหายใจ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่างามแทบทุกองศาจนถึงขั้นที่ว่าถ่ายรูปกันมาคนละหลายร้อยรูปกันเลยเชียว

 

สำหรับที่พักอาศัย หากเดินทางกับครอบครัว  หรือเดินทางกับ ทัวร์ ไม่ได้แนวแบ็คแพกหรือบัดเจ็ทมากมาย ที่เมืองจีนก็สะดวกสบายหายห่วง

มีโรงแรมระดับพรีเมียมอย่าง Shangri-La Hotel Guilin และ Four Points by Sheraton Guilin ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่เดินทางแบบสบายๆ สไตล์พรีเมียมค่ะ

ห้องกว้างขวาง อ่างอาบน้ำใหญ่โต เตียงนุ่มสบาย ไว้คลายเหนื่อยจากการท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน

 

Shangri-La Hotel Guilin และ Four Points by Sheraton Guilin
Shangri-La Hotel Guilin และ Four Points by Sheraton Guilin

 

 

การเดินทางครั้งนี้ได้รับเกียรติจากรายการ “Leela Me … มีลีลา” และรายการ “รอบจานรอบโลก” ให้ติดตามไปชมเบื้องหลังการถ่ายทำค่ะ จึงสามารถเก็บภาพ exclusive มาได้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่เชฟยอดฝีมือชื่อดังหลายท่านยอมเปิดครัวให้ได้เข้าไปชมสูตรลับตำรับเด็ดของจานอร่อยที่ขึ้นชื่อ

สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องอาหารการกินเราก็มีรีวิว ” 5 อันดับร้านอาหารสุดอร่อยในกุ้ยหลิน ” (คลิ้กที่นี่) มาให้อ่านเพิ่มเติมกันค่ะ

แต่ถ้าอยากชมภาพเคลื่อนไหวพร้อมคำบรรยายแบบรู้สึกรู้จริงจากอาหนิง นิรุตติ์ ศิริจรรยา และ คุณเอ๋ ณัฐพงษ์ จอมบดินทร์ เชิญชวนให้ติดตามชมเรื่องราวการท่องเที่ยวในกุ้ยหลินในรายการ “Leela Me … มีลีลา” ที่ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เวลา 13.00 – 14.00 น ที่ช่อง 3 Family และ รายการ “รอบจานรอบโลก” ที่จะออกอากาศเร็วๆ นี้ค่ะ

 

ติดตามชมเรื่องราวน่าสนใจได้ในรายการ “Leela Me ... มีลีลา” และ "รอบจาน รอบโลก" ทางช่อง 3 ค่ะ
ติดตามชมเรื่องราวน่าสนใจได้ในรายการ “Leela Me … มีลีลา” และ “รอบจาน รอบโลก” ทางช่อง 3 ค่ะ

 

Comments

comments