เห็นเพื่อนๆ หลายคนเริ่มเตรียมตัวสำหรับทริปญี่ปุ่นกันแล้ว
บ้างก็มองหาโรงแรมดีราคาสมเหตุสมผล บ้างก็จัดโพยของกินกันยาวเหยียดเรียกว่าไม่ให้พลาดของเด็ดของแต่ละเมือง
วันนี้เลยรีบมาแจกลายแทงปริศนาเพื่อตามหาร้านบุฟเฟต์ขาปูในตำนานคือ ร้านบิคุริคานิยะ ที่เมืองฟุกุโอกะค่ะ จะได้เตรียมตัวกันไว้ให้พร้อม
ร้าน Bikkuri Kaniya เป็นร้านที่คนไทยไปกินกันเยอะมากกกกกๆๆๆๆๆๆ จนเค้ามีเมนูภาษาไทยและน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทยเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ
เรื่องของเรื่องคือ พอร้านฮิตมากในหมู่คนไทย และคนไทยมักแห่กันไปในช่วงวันหยุดไทยช่วงเดียวกัน การรอคอยต่อคิวจึงเป็นเรื่องทุกข์ทรมานสังขารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่ก็เป็นหนึ่งเรื่องที่เราเกรงกลัวตอนวางแผนเดินทางครั้งที่แล้วค่ะ อยากกินก็อยากกิน ขี้เกียจต่อคิวก็แสนจะขี้เกียจ แล้วทำอย่างไรจะได้กินโดยไม่ต้องรอนานล่ะนี่
โชคดีที่เราไปพบโพยลับโดยบังเอิญค่ะ มันเป็นความเห็นเมนท์เล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในโพสท์สักโพสท์บนเฟซบุ๊ค (เหมือนสเตตัสนั้นจะมีเป็นร้อยคอมเมนท์) ที่บอกเล่าเก้าสิบกันว่า จริงๆ Bikkuri Kaniya เค้ามีสาขาสองด้วยนะ เรานี่ตาลุกวาวรีบจดโพยกันแทบไม่ทัน (ต้องขอประทานโทษท่านเจ้าของคอมเมนท์ด้วยที่ไม่ได้แคปจอไว้เลยให้เครดิตคุณไม่ได้ หาใหม่ไม่เจอแล้วจริงๆค่ะ)
สรุปว่าสาขาหลักที่คนไปต่อคิวกันเป็นมหากาพย์เรื่องยาวอยู่ใกล้ๆ โรงแรม Hakata Excel Hotel Tokyu
แต่สาขาลับสาขาสองนี้ต้องเดินไกลจากสถานีและ landmark หาง่าย แต่ก็ไม่ไกลเกินความพยายาม
ถ้าเดินตามสปีดวัยรุ่น(?)อย่างเรา จากสถานีฮากาตะก็ไม่น่าจะเกินสิบห้านาทีค่ะ
สำหรับพิกัดนั้น เราไม่ได้ถ่ายรูปตามทางไว้ค่ะ ตอนนี้ที่คุ้ยเจอเหลือแค่หมุดปักธงที่กดเซฟไว้ในมือถือ ดังนั้นพิกัดจะประมาณนี้ค่ะ
เราปักธงที่ Hakata Station กับที่ร้านปู (จุดเขียว) ค่ะ
จำได้ว่า หัวมุมมีร้าน LAWSON
ฟังเหมือนจะไม่ค่อยช่วย แต่จริงๆ ร้านนั้นเป็น landmark หลักที่ทำให้วันนั้นเราหาร้านปูเจอนะคะ
หน้าร้านหน้าตาแบบนี้ค่ะ
มีรูปปูกับราคาสองพันห้าร้อยเย็นไว้จูงใจ
เข้าไปถึง ร้านโล่งค่า กรี๊ดดด…
การวางแผนของเราสัมฤทธิ์ผล ไม่เสียทีที่อุตส่าห์ดั้นด้น มา
นึกถึงคนที่ต้องไปต่อคิวสองสามชั่วโมงที่สาขาหลักแล้วก็หมายมั่นปั้นมือว่ากลับมาจะต้องมาบอกต่อ
ใครโชคดีได้อ่านรีวิวเราคนนั้นถูกแจ็กพ็อต หรืออย่างน้อยถ้าคนรู้กันเยอะขึ้นก็จะได้กระจายตัวไปต่อคิวกันทั้งสองสาขา ไม่ไปกระจุกอยู่ที่สาขาหนึ่งที่เดียว
เข้าไปถึงคุณป้าที่ร้านก็ให้การต้อนรับอย่างดิบดีพร้อมนำเมนูไทยมาให้ค่ะ (หน้าตานักท่องเที่ยวมาก…ฮา)
ตัวคำอธิบายก็เขียนชัดเจนดีนะคะ
เค้าคิดปูถูกขนาดนี้ เค้าจะคิดค่าน้ำก็ให้เค้าคิดเถอะค่ะ
เอาจริงๆ ค่าน้ำก็ไม่ได้แพงมากจนน่าเกลียดอะไรนะคะ เคยเห็นคนบ่นเรื่องเครื่องดื่มในเว็บ
น้องชายสั่งเบียร์มาชิมเห็นปลื้มปริ่มว่าเข้ากับอาหารทะเลมาก
คุณป้ามาจัดหม้อ จัดน้ำจิ้มให้
แต่ไม่บอกก็รู้ ใจเราอยู่ที่ปูไปเรียบร้อยล่ะ
นอกจากจะจัดการทุกอย่างให้พร้อมสรรพ คุณป้ายังสอนวิธีการแกะปูอย่างเทพที่ทำให้เนื้อออกมาอย่างสวยงามทั้งยวงด้วย
น้ำจิ้มที่ให้จะมีสองแบบคือน้ำจิ้มเปรี้ยวนิดๆ แบบญี่ปุ่นกับซีฟู้ดเผ็ดจัดจ้านแบบไทยค่ะ
ปูนี่จะจัดมาเป็นตัวๆ เลย เริ่มต้นให้มาก่อนสองตัวเลยค่ะ แล้วค่อยสั่งเพิ่มเรื่อยๆ
ก้ามใหญ่ขนาดนี้ แค่เห็นก็ฟินแล้ว
ปูที่นี่เนื้อหวานมาก ทานไม่ต้องจิ้มก็อร่อยจะแย่แล้ว ทานกับน้ำจิ้มแบบญี่ปุ่นก็จะได้อารมณ์อีกแบบ รสอ่อนๆ กำลังสุนทรีย์
สรุปว่าวันนั้นโต๊ะเราไม่มีใครแตะน้ำจิ้มซีฟู้ดสักคำเดียวเลยค่ะ โธ่โถ น้ำจิ้มเลยเป็นม่ายซะงั้น
นอกจากปูก็มีผักซึ่งเติมไม่ได้ และมีหมูคุโรบูตะที่เติมได้ไม่อั้น
หมูเค้าก็นุ่มอร่อยมากเลยนะคะนี่ อร่อยจนลืมถ่ายรูปตอนต้มแล้วมาให้ดูเลย
พวกเรามาทานกันชิลๆ กะเดินหาของหวานกันต่อเลยไม่ได้เติมอะไรมากมายค่ะ
เหมือนจะเรียกปูมาอีกสองรอบ รอบละตัวมั้งคะ (มากันสี่คน) ป้าคงโล่งอกโล่งใจวันนี้ไม่ถูกถล่ม
สำหรับปู จะขอเฉพาะส่วน เช่น เอาแต่ขา ไม่เอาตัวแล้ว ป้าก็ให้นะคะ
ช่วงท้ายๆ บอกป้าขอขานิดๆ หน่อยๆ มาเพิ่มป้าก็จัดมาอย่างเร็วเลยค่ะ
สรุปว่ามื้อนี้ปูทาราบะและเนื้อหมูเติมได้ไม่อั้นด้วยราคา 2500yen
บังคับสั่งเครื่องดื่ม ที่ราคาก็อยู่แค่ประมาณ 300-500yen
บวก tax 8% แล้วราคาสุทธิออกมา 3,510 yen หรือ 980B
ถูกและอร่อยขนาดนี้ คุ้มสุดๆ แนะนำจริงๆ ค่ะ ถ้ามีโอกาสไปชิมกันให้ได้นะคะ รับประกันความฟินค่ะงานนี้
ใครที่สนใจสามารถติดตามเรื่องราวสนุกๆ และอาหารอร่อยกันได้ที่
แล้วอย่าลืมแวะไปพูดคุยกันที่ www.facebook.com/foodiesjournie ด้วยค่า