วันนี้พามาชิมเนื้อวากิวกันค่ะ ซึ่งแน่นอนว่า เราพามาชิมทั้งทีก็ต้องเป็นของดีระดับพรีเมียม อย่างเนื้อวากิว A4 ที่ร้าน Wagyu Samurai Restaurant
ตามมาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีเมนูเด็ดโดนใจอะไรกันบ้าง
ร้าน Wagyu Samurai Restaurant ตั้งอยู่ในซอย Barbos 2 ในซอยสุขุมวิท 42 ค่ะ
ด้านในกว้างใหญ่ มีสวน และลานจอดรถที่จอดได้ราวยี่สิบคัน
ชื่อ Wagyu Samurai นั้นรู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่ชาวญี่ปุ่นเพราะเป็นบริษัทขายเนื้อชื่อดังที่พูดชื่อปั๊บทุกคนจะต้องร้องอ๋อ! นอกจากจะขายเนื้อชั้นดีให้ร้านอาหารชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่นแล้วก็ยังส่งเนื้อวากิวออกไปขายในอีกหลายประเทศอีกด้วย
เนื่องจากเนื้อของที่นี่เป็นเนื้อวากิวชั้นดีที่ทาง Wagyu Samurai ออกไปคัดเลือกอย่างพิถีพิถันจากของดีในจังหวัดต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น ทางเชฟจึงอยากให้ลูกค้าได้ทานเนื้อในแบบที่บริสุทธิ์ที่สุด แบบที่เป็นตัวมันเองสูง ผ่านการปรุงแต่งน้อย และให้คุณภาพและความอร่อยภายในของตัวเนื้อเองได้เปล่งประกายทำหน้าที่ของมันเอง ทางร้านจึงมักจะแนะนำลูกค้าให้ลองเป็นชาบูหรือสุกี้ยากี้ เพราะเนื้อแผ่นบางเฉียบจะสัมผัสน้ำร้อนเพียงนิดเดียวก่อนที่คุณจะได้ลิ้มรสที่แท้จริงของตัวเนื้อ แต่แน่นอนว่าทางร้านก็คาดการณ์ได้ว่าคนไทยพอพูดถึงวากิวก็มักจะคิดถึงสเต็กเนื้อกัน จึงมีเมนูสเต็กเนื้อไว้เตรียมพร้อมตอบรับความต้องการนี้ด้วย
วันนี้เรามาเยือนทั้งทีก็เลยต้องจัดเต็มชิมกันทั้งสามแบบ สำหรับชุดชาบู และชุดสุกี้ยากี้ เราเลือกเป็นเกรด Premium – Japanese Wagyu Strip Loin (3,300B) ทั้งคู่ค่ะ ซึ่งถ้าใครกลัวไม่อิ่มสามารถเพิ่มเนื้อได้โดย 150g ราคาจะอยู่ที่ 1,800/1,500/1,200B ตามเกรดค่ะ
และสำหรับสเต็กนั้น เราเลือกเป็น Premium – Japanese Wagyu Strip Loin: 200g (3,500B)
ทั้งสามคอร์สจะเริ่มด้วย 3 sorts of special appetizers ชุดเดียวกัน มีสามอย่างน่าทานให้ลองชิม
ตั้งแต่ Fruit with plenty cream cheese ผลไม้หลากชนิดจากญี่ปุ่นคลุกเคล้ากับครีมสลัดรสหวานไม่จัดทานแล้วสดชื้นสดชื่น
Sesame Tofu เต้าหู้งาสูตรพิเศษที่เหนียวหนืดและมีรสชาติงาเข้มข้น ทานกับวาซาบิเผ็ดซ่าๆ เข้ากันดี
และ Seared Wagyu Beef เนื้อวากิวที่จี่ขอบด้านนอกมานิดเดียวพอหอม
นอกจากนี้ก็จะมี Wagyu Sushi
อันนี้พอเข้าใจได้ว่าการกินเนื้อดิบๆ เลยนั้น หลายๆ คนอาจจะเกร็ง แต่จริงๆ แล้วจานนี้ทานได้สบายๆ เนื้อเค้าคุณภาพดี แทรกมันสวยมาก เข้าปากแล้วนุ่มละลายในปากกลมกลืนไปกับข้าซูชิที่ปรุงรสออกมาได้พอดีไม่ออกเปรี้ยวเหมือนหลายๆ ที่
ถัดมาก็ล้างปากกันด้วยซุปใส Wagyu Ball Clear Soup ตัวซุปรสอ่อนๆ กลมกล่อม ตัวลูกชิ้นเนื้อสับทำมานุ่ม มีความหนืดนิดๆ กำลังดี
ต่อด้วยทานผักนึ่ง Steamed Vegetables ที่ทำมาสุกพอดี นุ่มแต่ไม่เละ
และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย
เริ่มกันที่สเต็กเนื้อสีชมพูสวยมันฉ่ำ
เนื้อไม่หนามาก มันกำลังดีไม่เลี่ยนเกิน ทำความสุกมาได้พอดีสุดๆ กัดแล้วนุ่มฉ่ำ จานนี้เคียงมากับผักย่างหลายชนิด แอสพารากัส และกระเทียม
ต่อกันที่สุกี้ยากี้และชาบูชาบูที่แค่ตอนเห็นลายหินอ่อนที่สวยสดของตัวเนื้อที่วางลงมาก็ตาเป็นประกายแล้ว
ข้อดีของที่ร้านคือจะมีมาบริการลวกเนื้อให้ ทำให้มั่นใจได้ว่าเนื้อสุกพอดี ไม่สุกเกินจนเหนียว
ได้ชิมแล้วนี่บอกได้เลยว่าเนื้อคุณภาพดีมาก นุ่มมาก รสชาติแตกต่างอย่างชัดเจนกับร้านทั่วๆ ไป และชนะร้านเกรดพรีเมี่ยมอีกหลายร้านที่เคยได้ลองชิมมา
สำหรับสุกี้ยากี้ ทางร้านจะมีไข่ดิบมาให้ ซึ่งคุณสามารถนำเนื้อที่มีความหวานของน้ำสุกี้ติดมาอยู่แล้วจิ้มลงไปในไข่ ก็จะได้รสชาติทั้งหวานทั้งมันในคำเดียว
ส่วนชาบูชาบูจะมีซอสมาให้สองชนิด คือซอสพอนสึรสเปรี้ยว และซอสงาที่จะมาบดงากันสดๆ ข้างโต๊ะให้ดู
ซอสงาที่เพิ่งบดจะหอมกลิ่นงามากๆ ทานกับเนื้อที่ตัวน้ำชาบูไม่ได้มีรสชาติอะไรมากก็จะได้ความเข้มข้นของซอสงาชูรสเนื้อให้เด่นขึ้น
ส่วนตัวชอบน้ำสุกี้มากกว่าชาบูเพราะนอกจากรสชาติน้ำที่เข้มข้นจะซึมเข้าเนื้อและเข้ากันได้ดีเมื่อกินกับไข่ดิบแล้วผักเองต้มในน้ำสุกี้ก็ได้รสชาติพอดีหวานอร่อย
คอร์สก่อนจบนี่จะเป็นข้าว ซึ่งมีให้เลือกสามแบบคือ Rice/ Steamed Red Rice/Wagyu Beef Chazuke (Rice and Green Tea)
Steamed Red Rice จะเป็นข้าวเหนียวนึ่งปนกับถั่วแดง ออกหวานถั่วแดงนิดๆ นึ่งมาพอดีกำลังเหนียวนุ่ม
ส่วนที่ชอบสุดๆ ก็เห็นจะเป็น Wagyu Beef Chazuke ข้าวต้มเนื้อในซุปชา ที่ตัวเนื้อหมักมาจนรสชาติเข้มข้น ถึงจะออกเค็มแต่พอทานกับข้าวต้มในซุปชาก็สมดุลกันพอดีที่สุด เรียกว่าถ้าหมักเนื้อมาอ่อนกว่านี้ก็จะไม่แจ่มได้ขนาดนี้ ตัวซุปชาเอง ถ้าซดเปล่าๆ ก็จะรสอ่อนๆ นุ่มนวล ได้ความละมุนๆ แบบญี่ปุ่น
แอบกระซิบว่า ใครที่ชอบดื่มเบียร์ให้สั่งเบียร์นำเข้าจากญี่ปุ่นของที่นี่มาลอง เพราะกินกับเมนูที่ว่ามาแล้วเข้ากันสุดๆ
ในชุดจะให้ได้ปิดท้ายมื้อสุดอร่อยด้วยเมลอนญี่ปุ่นหวานฉ่ำ
แต่สำหรับสายแข็งอย่างเรา ก็ยังสู้ต่อด้วยการพาไปชิมอีกหลายเมนูอร่อยของทางร้าน
ตั้งแต่โรลเนื้อวากิวชิ้นโตที่ราดมาด้วย spicy mayo และ ikura
หรือโรลแซลมอนที่ทุกคนคุ้นเคยและชื่นชอบ
ไปจนถึงเมนูไทย อย่าง
ยำเนื้อวากิวดิบรสเผ็ดร้อน
ลาบเนื้อวากิว
และ ต้มยำเนื้อวากิว
ซึ่งเมนูเหล่านี้จะมีในเซตอาหารกลางวันในราคาย่อมเยา
สรุปโดยรวมแม้ที่นี่ราคาจะสูงสักหน่อยแต่ก็ต้องถือว่าคุ้มค่ากับคุณภาพเนื้อและความใส่ใจและบริการที่ได้รับ
ถ้าจะมาลองชิมกันแนะนำให้ลองตัวสุกี้ยากี้ค่ะ เพราะทำให้ได้รสชาติของเนื้ออย่างเด่นชัดแต่ก็มีรสหวานของน้ำสุกี้ยากี้มาช่วยทำให้มีสีสัน ผักที่ต้มมาในน้ำสุกี้ก็หวานอร่อย
และพิเศษสำหรับลูกเพจของเรา สามารถใช้โปรโมชัน buy 3 get 1 free สำหรับอาหารที่เป็นคอร์ส เพียงบอกล่วงหน้าตอนสำรองที่นั่งว่าเห็นมาจากเพจ Foodies journie ของเรา
แต่ต้องรีบหน่อย เพราะหมดเขต 15 พคนี้แล้วล่ะค่ะ
อย่าลืมไปใช้สิทธิกับเมนูสุดพิเศษกันนะคะ