สำหรับอาทิตย์นี้เราก็ยังวนเวียนอยู่กับร้านซูชิระดับเทพที่ทีมงานคัดสรรมาให้แฟนคลับทุกท่านได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง กับ Tororo Sushi ร้านซูชิเปิดใหม่แถบสุขุมวิท อีกหนึ่งร้าน…
วันนี้เรามาถึงที่ร้านประมาณบ่ายสอง ร้านตั้งอยู่ด้านหน้าของอาคาร Horizon เอกมัย หากเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถจอดรถได้ฟรี 3 ชั่วโมงที่ลานจอดรถใต้ตึก บรรยากาศของร้านออกแนวสบายๆ มีคนนั่งในร้านประปราย พอมาถึงพวกเราก็ไม่รอช้า สั่งออเดิร์ฟอย่างถั่วแระญี่ปุ่นและหัวปลาต้มซีอิ้วมาทานเล่นกันก่อน และได้น้ำซุปร้อนๆ บริการให้ฟรี ที่ทำใหม่แบบถ้วยต่อถ้วยมาอุ่นเครื่องกันก่อนเริ่มทานซูชิ
ก่อนลงมือสั่งอาหารพวกเราสอบถามทางร้านถึงเมนูแนะนำ และได้รับคำตอบที่น่าสนใจว่า ปลาดิบที่ใช้ในร้านซูชิดีๆ นั้นก็เป็นของเกรดดีไม่แพ้กัน แต่มีองค์ประกอบอีกอย่างหนึ่งที่นักทานซูชิจะให้ความใส่ใจ นั่นคือ ข้าวซูชิ ที่เมื่อได้ชิมแล้วต้องยกให้เป็นจุดเด่นของร้านนี้จริงๆ … แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ข้าวที่หุงมาอย่างดี หอม นุ่มนวล และมีรสชาติเล็กๆ อยู่ในตัว จะสามารถทำให้ซูชิอร่อยขึ้นได้อย่างมากมาย และไม่รู้สึกอิ่มได้ง่ายเหมือนร้านทั่วไป
นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูสำหรับคนที่ทานซูชิไม่เก่ง อย่าง Yasai (180 บาท) ซึ่งเป็นข้าวปั้นผักรวม ดูแปลกตาจากร้านซูชิอื่นๆ มองดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าทานข้าวกับผักจะอร่อยได้ แต่ด้วยความโดดเด่นของข้าวซูชิ เมื่อทานคู่กับโชยุแล้วก็ได้รสชาติดีไม่น้อยทีเดียว ตามต่อกันด้วยโรลสีสันสดใสน่าทานที่หาทานไม่ได้ง่ายๆ อย่าง Mango Roll (280 บาท) ไม่น่าเชื่ออีกแล้วว่ามะม่วงสุกหวานกับปลาแซลมอนสดๆ จะลงตัวกันได้อย่างยอดเยี่ยม ทางเราขอแนะนำให้เมนูนี้เป็นเมนูแนะนำสำหรับคนที่ชอบความแปลกใหม่และตื่นเต้นในการทาน หลังจากจบชุดโรลกันไปแล้วก็ได้เวลาเข้าสู่ซูชิแบบดั้งเดิม เริ่มกันด้วย ปลาแซลมอนส่วนท้อง (Toro Salmon – 70 บาท) หรือส่วนพุงของปลาแซลมอนติดมันลายสวยงามรสชาตินุ่มละลายในปาก กับราคาที่แพงกว่าแซลมอนธรรมดาเพียงนิดเดียว ก็ขอแนะนำเมนูนี้สำหรับรสชาติที่แตกต่าง ตามมาด้วย ฮามาจิ (Hamachi – 80 บาท) สีชมพูสวยงาม และ ครีบปลาตาเดียว (Enkawa – 120 บาท) ลนไฟเล็กน้อย สำหรับ Enkawa ที่นี่อาจจะหอมน้อยกว่าปกติซักหน่อยแต่ฮามาจินี่รสชาติเยี่ยมจริงๆ
เริ่มเข้าสู่เมนูหนักๆ ด้วยเนื้อ เนื้อมัตซึซากะ (Matsusaka – 320 บาท) ที่หอมหวานกัดจมเหงือกได้รสชาติเข้มข้น
ต่อด้วยเมนูที่เรายกให้เป็นพระเอกของร้านนี้ นั่นก็คือ ตับห่าน(Foie Gras – 270 บาท) ที่เป็นอีกหนึ่งเมนูความลงตัวของร้าน กับตับที่ย่างออกมาได้พอดีมากๆ ซอสหอมๆ และกลิ่นของ ไข่ปลาแซลมอน (Ikura) ที่วางอยู่ด้านบนเข้ากันอย่างลงตัวสุดๆ นับเป็นเมนู Foie Gras ที่แทบจะเรียกได้ว่าอร่อยที่สุดในบรรดาร้านที่เราเคยชิมมา แต่ด้วยความตื่นเต้นกับเมนูเด็ดๆของทางร้านทำให้เรายังอยากจะทานกันต่อ พวกเราเลยสั่งซูชิหน้าต่างๆ เพิ่มมาอีกชุดเล็กๆ ซึ่งระหว่างรออาหารก็มีโอกาสได้ถ่ายรูปขณะเชฟกำลังจัดและปั้นซูชิให้เราทาน เป็นศิลปะที่สวยงามจริงๆ ไม่นานนักซูชิก็มาเสิร์ฟประกอบด้วย ไข่หวาน (Tamago – 35 บาท) และปลาหมึกสด (Ika – 35 บาท) ที่รสชาติมาตรฐาน ต่อด้วยหอยเชลล์สด (Hotate – 200 บาท) ที่สดหวานเช่นเดียวกับปลาอื่นๆ ตามด้วยกุ้งโบตัน (Botan Ebi – 230 บาท) สดหวาน และปิดท้ายกับเมนูโปรดที่น่าประทับใจเช่นเคยคือ ไข่หอยเม่นสด (Fresh Uni – 380 บาท) ที่หอมกลิ่นทะเลมาก ก็เป็นอันจบมื้อนี้ไปอย่างสวยงามกับความประทับใจในข้าวซูชิและความสร้างสรรค์กับเมนูใหม่ๆ ของทานร้านและวัตถุดิบที่สดทุกอย่าง ไม่มีพลาด
ระหว่างรอจ่ายเงินก็ได้มีโอกาสคุยกับทางเจ้าของร้านเล็กน้อย ได้ความว่าร้านนี้เกิดขึ้นการชอบทานอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ จึงมีความคิดอยากจะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเอง โดยเริ่มจากร้านซูชิ ซึ่งในตอนนี้นอกจากซูชิแล้ว ทางร้านยังมีสาเกหลากหลายชนิด สีสันสดใสให้กับคนที่ชอบสั่งทานคู่กับซูชิได้ และมีแผนที่จะขยายร้านและขยายเมนูเพิ่มในอนาคต สำหรับท่านใดที่ชอบซูชิและอยากจะลองที่ใหม่ๆ Tororo Sushi นี้ก็เป็นอีกร้านที่ห้ามพลาดกันเลย
จองได้ที่นี่ คลิ้กเลย!
***
อย่าลืมติดตามงานเขียนอื่นๆ ของเราได้ที่ www.foodiesjournie.com
และแวะไปพูดคุยทักทายกันได้ที่หน้าเพจ www.facebook.com/foodiesjournie ค่ะ