วันนี้มารีวิวร้านน้องใหม่ “Saucery” ที่มากับคอนเสปท์เก๋ๆ ไม่ซ้ำใคร ให้เราได้จับคู่อาหารและขนมกับซอสหลากหลายชนิดทำให้เมนูของคุณไม่จำเจอีกต่อไป
“Saucery” ตั้งอยู่ที่ชั้น B1 อาคาร United Center ที่แน่นอนว่าช่วงกลางวันจะเป็นช่วงที่แหล่าพนักงานออฟฟิศต่างออกมาหาอาหารเที่ยงอร่อยๆ ทานกัน
ทางเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่าหนึ่งในที่มาของไอเดียการทำร้าน “Saucery” คือปัญหาเวลาทานข้าวด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ คนหนึ่งอยากทานอาหารไทย คนหนึ่งอยากทานอาหารฝรั่ง แต่อีกคนอยากทานอาหารญี่ปุ่น ร้านนี้จึงตอบโจทย์โดยมีอาหารหลายสัญชาติให้คุณเลือกได้ตามใจ ถูกใจกันทุกคนโดยไม่ต้องคิดนาน และการออกแบบร้านให้เป็นกึ่งบริการตัวเองก็จะทำให้บริการได้รวดเร็วเหมาะกับเวลาเร่งด่วนช่วงพักกลางวัน
บรรยากาศภายในร้าน
สำหรับอาหารจานหลักของที่นี่ คุณจะสามารถจับคู่ตัวแป้ง (ข้าว, สปาเกตตี้, เพนเน่ พาสต้า, อูด้ง) กับโปรตีนและซอส
ราคาจะแตกต่างกันไปตามชนิดของโปรตีน คือ ถ้าเลือก ไก่ทอดคาราอาเกะ หรือ สเต็กหมูบด ราคาจะอยู่ที่จานละ 89 บาท (สามารถเพิ่มโปรตีนนี้ได้ในราคา 49 บาท)
ถ้าทานเป็น สเต็กไก่ย่าง หมูพูลพอร์ค, ปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด, หมูทอดทงคัทซึ ราคาจะเป็น 109 บาท (เพิ่มเนื้อคิด 69 บาท)
ส่วนมีทบอลเนื้อจะราคา 129 บาท (เพิ่มเนื้อคิด 89 บาท)
จากนั้นก็ถึงขั้นตอนที่สนุกที่สุดคือการเลือกซอส
ไม่ว่าจะเป็น ซอสครีมเห็ด เนื้อเนียน
ซอสมะเขือเทศ มารีนาร่า รสอมเปรี้ยวนิดๆ เหมาะกับพาสต้าไม่ว่าจะเป็นสปาเกตตี้หรือเพนเน่
ซอสบาร์บีคิวโฮมเมท ที่หอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ รสกลมกล่อมไม่เค็มเกินไป ทำสูตรออกมาได้ไม่เหมือนใคร
ซอสเดมิ-กลาส ที่ไม่ข้นมากนักรสอมเปรี้ยวนิดๆ เหมาะกับสเต็กหมูบด จับคู่กันแล้วจะคล้ายๆ กับเวลาทานแฮมเบอร์เกอร์ราดเดมิกลาสซอสในร้านอาหารญี่ปุ่น
ซอสแกงกะหรี่ญี่ปุ่น รสกลมกล่อมไม่เผ็ดหรือเค็มเกินไป มีแครอทต้มมาเป็นชิ้นๆ ที่ทานกับปลาทอด หมูทอด ได้อร่อย
ซอสสไปซี่เทอริยากิ รสเข้มข้น ทานกับ หมูทอดหรือไก่ทอดก็อร่อย
ซอสส้ม ก็เป็นซอสอีกตัวที่อาจจะใหม่สำหรับหลายๆ คน แต่ถ้าใครเคยไปทานอาหารจีนในต่างประเทศอาจจะร้องอ๋อ เพราะเป็นตัวซอสแบบที่เจอบ่อยๆ ในเมนู orange chicken นั่นเอง ซึ่งตัวนี้แน่นอนว่าเข้ากันดีสุดๆกับไก่ทอดคาราอาเกะ
จากนั้นก็มาแนวไทยๆ กันบ้างไม่ว่าจะเป็น
ซอสต้มยำ ที่ไม่เผ็ดจัด ได้กลิ่นสมุนไพรพอหอมๆ
ซอสสะเต๊ะ ที่ออกหวานพอประมาณ
ซอสกะเพรา ที่ออกเค็มหน่อยและเผ็ดพอประมาณ
ซอสเขียวหวาน ที่ชอบมากๆ เพราะรสชาติทำออกมาได้แบบไทยแท้ๆ
ซอสลาบ-น้ำตก ที่เหมาะสุดๆ กับสเต็กไก่ย่าง
ที่แนะนำมาข้างต้นเป็นการจับคู่แบบที่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะไปกันได้ดี ซึ่งทางร้านเองก็มีตัวช่วยสำหรับคนที่เห็นรายชื่อซอสละลานตาแล้วตัดสินใจไม่ถูก
โดยเมนูแนะนำของทางร้านจะเป็น
ข้าวสเต็กหมูบดซอสเดมิ-กลาส (89B)
ข้าวไก่ทอดซอสส้ม (89B)
และ ข้าวสเต็กไก่ย่างซอสต้มยำ, สปาเกตตี้เขียวหวานปลาทอด, ข้าวหมูทอดทงคัทซึซอสสไปซี่เทอริยากิ, ข้าวสเต็กไก่ย่างซอสสะเต๊ะ, สปาเกตตี้หมูพูลพอร์คซอสบาร์บีคิว, ข้าวกะเพราะหมูพูลพอร์ค (109B)
ซึ่งเราเลือกมาลองชิมสี่รายการคือ
ข้าวสเต็กไก่ย่างซอสลาบ-น้ำตก (109B) อันนี้แซ่บถึงรสถึงชาติโดนใจคนชอบรสจัดจ้าน
เพนเน่ซอสครีมเห็ดปลาทอด (109B) ครีมเห็ดเนื้อเนียนดี เค็มไปเล็กน้อย เข้ากับปลาทอดได้ไม่ขัดใจ
อูด้งแกงกะหรี่ญี่ปุ่นหมูทอดทงคัทซึ (109B) อันนี้มาแนวญี่ปุ่นทั้งเซตตั้งแต่เส้น โปรตีน ยันซอส รสแกงกะหรี่กลมๆ ไม่เผ็ดเกินไป หมูทอดทงคัทซึกรอบมากแม้จะมันเยอะไปนิด
สปาเกตตี้มีทบอลซอสมารีนาร่า (129B) เส้นสปาเกตตี้กับซอสมะเขือเทศเป็นคู่มาตรฐานอยู่แล้ว เข้ากันได้ดีกับเนื้อมีทบอลที่อร่อยใช้ได้เลย
และสั่งไก่ทอดคาราอาเกะ (49B) กับ หมูพูลพอร์ค (69B) มาทานเคียง รวมถึงขอชิมซอสคำเล็กๆ จนครบทุกรส
คู่ที่ทางร้านจัดมาให้แล้วเป็นอะไรที่เข้ากันค่อนข้างลงตัว
แต่สำหรับผู้ที่ชอบอะไรแปลกใหม่ คิดว่าน่าจะสามารถจับคู่คอมโบที่น่าสนใจได้อีกหลากหลายแบบอย่างไร้ขีดจำกัด
ทางร้านเองก็เล่าให้ฟังว่าลูกค้าบางท่านมาสั่งซอสครีมเห็ดทานกับข้าวสวยก็ยังเคยมี ส่วนตัวลองคิดๆ ในใจก็น่าจะสลับสับเปลี่ยนให้เข้ากันได้เกือบหมด อาจจะยกเว้นอยู่ก็หมูพูลพอร์คที่ปรุงรสจนเค็มๆ หวานๆ คล้ายหมูฝอยแบบไทยอยู่แล้วทำให้รสอาจจะตีกันกับซอสบางชนิด ได้ยินแว่วๆ ว่าทางร้านเองก็จะมีการพัฒนาซอสสูตรใหม่ๆ และนำโปรตีนชนิดอื่นๆ ออกมาให้ได้ลองอีกเรื่อยๆ เช่นต่อไปอาจมีซอสพะแนง มีกุ้งเสียบไม้ปิ้ง มาเพิ่มด้วย
นอกจากตัวจานหลักแล้ว ทางร้านก็ยังมีซุปตักไว้เรียบร้อยพร้อมหยิบ
มีทั้ง ครีมเห็ด ครีมฟักทอง ผักรวมอิตาเลี่ยน (49B) ให้เลือก
นอกจากนี้ยังมีสลัดผัก สลัดมันฝรั่ง และแอพพิไทเซอร์อย่าง ทอดมันกุ้ง เกี๊ยวซ่า ไส้กรอกค็อกเทล (49B) ที่เตรียมเป็นชุดๆ ไว้ในตู้ด้านข้างให้คุณหยิบไปจ่ายเงินได้ง่ายๆ รวดเร็ว
ที่ชอบเป็นพิเศษคือสลัดมันฝรั่งที่รสชาติพอดีลงตัวมากๆ
สำหรับเครื่องดื่ม แนะนำให้สั่งสไปรท์กับซอสลิ้นจี่หรือซอสบ๊วย ที่มีเนื้อๆ ด้วยเล็กน้อย อร่อยไม่หวานเกินไปเข้ากับสไปรท์สุดๆ (39B)
ที่เด็ดสุดคือขนมหวานอย่างพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนที่หอมมะพร้าวสุดๆ มีเนื้อมะพร้าวชิ้นเล็กๆ ซ่อนอยู่ด้านใน
และพานาค็อตต้าเนื้อเนียน
ที่มีซอสให้เลือกจับคู่ถึงเจ็ดชนิดไม่ว่าจะเป็นรส ชาไทย ชาเขียว ช็อกโกแลต กาแฟ สตรอเบอร์รี่ ลิ้นจี่ หรือบ๊วย (49B)
ซอสขนมหวานก็ทำรสชาติได้ดีเช่นเคย เนื้อออกนวล ได้รสของวัตถุดิบแท้ๆ ไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์
โดยรวมแล้วชอบไอเดียของร้านนี้มากๆ เพราะทำให้เราสามารถสลับสับเปลี่ยนลองเมนูแปลกใหม่ได้เรื่อยๆ ตามแต่จะสร้างสรรค์
ตัวซอสรสชาติกำลังดีทุกรส ไม่มีอันไหนรสเผ็ดจัดหรือเค็มจัด ราคาสมเหตุสมผล บริการรวดเร็ว
และที่ถูกใจที่สุดคือขนมหวานที่ทำออกมาได้รสชาติดีจนอยากจะกลับมาซื้อทานบ่อยๆ
เรียกว่าครบเครื่องลงตัวกับมื้อง่ายๆ ที่ให้คุณอร่อยสบายๆ กับหลากหลายเมนูค่ะ
ติดตามชมอาหารเมนูเด็ดและสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตาจากประสบการณ์ของผู้เขียนได้ที่ IG : FoodiesJournie
ผลงานรีวิวอาหารและท่องเที่ยวสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.mevblog.com
หรือติดตามได้ที่เพจ www.facebook.com/mevblog
และ IG, Twitter & Pinterest : “MEVBLOG” นะคะ