วันที่ 9 สิงหาคมนั้นเป็นวันประกาศอิสรภาพของประเทศสิงคโปร์
เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองทางห้องอาหาร NEXT2 Cafe ที่ Shangri-La Hotel, Bangkok จึงจัดเทศกาลอาหารสิงคโปร์ขึ้นระหว่างวันที่ 7-16 สิงหาคมนี้
ห้องอาหาร NEXT2 Café นั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศน่าสบาย มีลมพัดเบาๆ มีเรือวิ่งผ่าน และมีวิวกรุงเทพฯที่สวยมากๆ อีกมุมหนึ่ง
บุฟเฟต์นานาชาติของห้องอาหาร NEXT2 Cafe มีหลากหลายให้เลือกสรร
แน่นอนว่าจะต้องมีของโปรดที่ทุกคนตั้งตาคอยทุกครั้งที่ไปทานบุฟเฟต์
ทั้งกุ้งลอบสเตอร์ หอยนางรมดิบจากสามทวีป ฟัวกราส์ ซูชิ ซาชิมิ
และของหวานน่าทานมากมายรวมถึง chocolate fondue fountain ที่เด็กๆ มองตามกันตาเป็นมัน
ทั้งนี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในรีวิวก่อนของเรา NEXT2 CAFÉ (คลิ้กที่นี่)
ครั้งนี้เราจึงขอรีวิวอาหารสิงคโปร์เน้นๆ เพราะในงานทางห้องอาหารได้นำอาหารยอดฮิตของสิงคโปร์มาให้เราได้ชิมกันถึงที่ แต่ละอย่างทำโดยเชฟชาวสิงคโปร์จึงได้รสชาติตำรับสิงคโปร์แท้ๆ
เริ่มจากเมนู Rojak
โรจักเป็นสลัดผลไม้นี้รสชาติเผ็ดๆ หวานๆ ซอสเป็นซอสถั่วลิสงบด ปาท๋องโก๋กรอบ ๆ และเต็มไปด้วยผลไม้ อย่างฝรั่ง ชมพู่ ทำให้จานนี้ออกมารสสดชื่น
ว่ากันว่าถ้าส้มตำเป็นอาหารยอดฮิตที่กินกันทุกโอกาสของคนไทย โรจักก็คงถือเป็นอาหารยอดฮิตติดปากของคนสิงคโปร์เช่นกัน
ต่อมาที่เมนู Singapore Laksa
สิงคโปร์ลักซาเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวประจำชาติของสิงคโปร์ ตัวเส้นเป็นเส้นกลมๆ คล้ายขนมจีน ใส่ถั่วงอกและลูกชิ้นปลาเส้น หรือฮือก้วย ที่ชอบสุดๆ คือตัวน้ำแกงพริก ที่ใส่กะทิมาอย่างเข้มข้น ดังนั้นถึงแม้จะรสชาติเผ็ดร้อน ก็จะมีความหอมมันของกะทิมาช่วยตัดรสชาติ ทำให้ยิ่งทานก็ยิ่งเพลิน
ชิมก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว ถ้าพูดถึงซุปบ้าง ทุกคนก็คงคิดถึงเมนูที่คนไทยก็รู้จักเป็นอย่างดีคือ Bak Kut Tek
บัคกุดเต ของที่นี่กลิ่นหอมสมุนไพร รสชาติเข้มข้น ดื่มแล้วจะรู้สึกหวานปนขมที่ปลายลิ้น
ตัวซี่โครงหมูต้มมาเปื่อยนุ่มจนเลาะจากกระดูกได้ไม่ยาก
เป็นอีกเมนูที่ใครๆ ทานก็ต้องชอบ
เมนูถัดไปเป็นกุ้งน้ำพริกเผาแบบสิงคโปร์
ตัวพริกเผาของสิงคโปร์นั้นรสชาติจัดจ้าน ออกทางเผ็ดมากกว่าน้ำพริกเผาแบบไทยที่ออกหวาน ทานแล้วแสบซี้ดซ้าด แต่เข้ากันดีกับกุ้งเนื้อแน่นสดกรอบของที่นี่สุดๆ
จากกุ้งก็ต่อด้วยเมนูปู Chili Crab
ปูผัดซอสพริกที่นี่เข้าใจว่าใช้เบสเป็นตัวพริกเผาแบบที่ใช้กับกุ้งก็จะได้รสเผ็ดร้อนเช่นกัน แต่จะละมุนและกลมกล่อมกว่าเพราะมีไข่และส่วนผสมอื่นๆ ในตัวซอส เนื้อปูสดอร่อย เจอกับรสชาติที่ปรุงได้ถึงเครื่องก็ทานได้เรื่อยๆ ไม่อยากหยุด
จานนี้ทานคู่กับขนมปังปิ้งที่ออกหวานนิดๆ ฟินสุดๆ
และแล้วก็มาถึงเวลาของเมนูเลื่องชื่อที่ทุกคนรอคอย
นั่นก็คือเมนู Hainanese Chicken Rice
หลายๆ คนอาจคิดว่าข้าวมันไก่เราก็กินกันอยู่ประจำมันจะแปลกอะไร ทำไม่ต้องตื่นเต้น
ตอนแรกส่วนตัวก็คิดประมาณนี้ แต่พอชิมแล้วบอกเลยว่า ต่างอย่างรู้สึกได้
ตัวอกไก่เนื้อนุ่ม รสชาติดี
แต่ตัวที่แตกต่างจริงๆ นั้นเป็นข้าวมัน ที่หอมมันรสชาติดี กลิ่นกระเทียมแทรกซึมเข้าในข้าวทุกอณู ตัวเมล็ดข้าวนุ่มและอร่อยกว่าข้าวมันที่เราคุ้นเคยกัน
ของที่นี่เสิร์ฟมาพร้อมกับขิงสับละเอียด น้ำจิ้มซีอิ๊วหวาน และน้ำพริกสีส้มตามแบบฉบับของสิงคโปร์
ในส่วนของน้ำจิ้มนั้น ส่วนตัวคิดว่าน้ำจิ้มข้าวมันไก่แบบไทยที่เป็นเต้าเจี้ยวขิงและพริกแซ่บอร่อยกว่า
นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอร่อยอีกหลายรายการ
ตั้งแต่ Char Kway Teow
ก๋วยเตี๋ยวผัด รสชาติใกล้เคียงกับผัดไทยของเรา
Beef Rendang
สตูว์เนื้อรสจัดกำลังดี เข้มข้นแต่ไม่เผ็ด
Lamb Curry
แกงกะหรี่รสกลมกล่อม ใส่แกะที่ตุ๋นมาจนเนื้อนุ่ม
หลายเมนูรสชาติไม่ไกลจากที่เราคุ้นๆ กับอาหารแนวแกงเผ็ดบ้านเราทำให้ทานง่ายถูกปาก แต่ก็ยังมีความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ให้พอรู้สึกตื่นตา
และสุดท้าย ของหวานที่รอคอย
ทั้ง Kaya Toast
ขนมปังสังขยา ที่นำขนมปังบางเฉียบสองแผ่น ทาสังขยาสีเขียว โปะเนย ประกบกันแล้วจี่บนเตาจนกรอบ
เมนูนี้อร่อยมากอยากทานหลายๆ แผ่น ไม่มีใครไม่ชอบ เชฟทำสดๆ ให้ทีละชิ้น คนต่อคิวทานจนต้องทำมือเป็นระวิง
เมนูเต้าส่วน ที่รสออกจืด ทานกับปาท่องโก๋ กรอบๆ
และ ขนมหวานในน้ำกะทิ
เมนูนี้รสคล้ายๆ กับบัวลอยน้ำกะทิของไทยแต่ออกจืดหน่อย
แอบปิดท้ายด้วยขนมอร่อยๆ ที่ไม่ใช่เมนูสิงคโปร์เท่าไรกับ Chocolate Souffle ที่น่าจะเป็นเมนูขวัญใจของหลายๆ คนค่ะ
ใครที่ชอบอาหารสิงคโปร์และอยากทานบุฟเฟต์นานาชาติอร่อยๆ แนะนำที่นี่เลยค่ะ
บุฟเฟต์อาหารค่ำนั้นสนนราคาอยู่ที่ 1,800 baht net
และ สำหรับ Sunday Brunch & Mother’s Day Brunch จะเป็น 2,100 baht net ค่ะ
รีบคิดรีบตัดสินใจเพราะจัดรายการเพียงสิบวันเท่านั้นนะคะ
นอกจากอาหารแล้วยังมีให้ลุ้นรับสิทธิ์ชิงโชครับรางวัลตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ และที่พัก 2 คืนที่โรงแรมแชงกรี-ลา สิงคโปร์ เมื่อใช้จ่ายครบ 5,000 บาท อีกด้วยค่ะ