สวัสดีค่ะ
ช่วงนี้ขนมเค้กเจ้าดังของญี่ปุ่นเดินสายเข้ามาเปิดที่ไทยกันเป็นว่าเล่น งานนี้นักชิมชาวไทยก็ได้เฮกันอีกครั้งเมื่อสุดยอดชีสเค้กชื่อดังอย่าง LeTao มาเปิดสาขาให้ได้ชิมกันอย่างจุใจ
แน่นอนว่าสายกินอย่างเราย่อมไม่พลาด วันนี้เลยจะมารีวิวให้เห็นเป็นสเต็ปกันตั้งแต่ซื้อยันแกะกล่องเลยทีเดียว พร้อมแล้วตามมาเลยค่า
LeTao อ่านว่า “เลอ ทา โอะ”ค่ะ
ใครที่เคยอ่านผิดอย่าน้อยอกน้อยใจไปเพราะตัวเองก็อ่านผิดมาตลอดเหมือนกันค่า
ชีสเค้กของ LeTao นั้นเป็นของอร่อยคู่เมือง โอตารุ ในฮอกไกโด เค้กของที่นี่มีสูตรพิเศษที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ได้ยินว่าเจ้าของสูตรเพียรพยายามพัฒนามาหลายต่อหลายปีกว่าจะได้เคล็ดลับตำรับเด็ดที่ทำให้ชีสเค้กสามารถเก็บรักษาด้วยการแช่แข็งและเมื่อนำมารับประทานก็ยังคงความอร่อยทั้งรสชาติและรสสัมผัสได้เหมือนเดิมทุกประการไม่ผิดเพี้ยน
ชีสเค้กของที่นี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจนต้องเปิดสาขาที่โตเกียวและเริ่มเปิดสาขาต่างประเทศอย่างที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ จนมาถึงคิวของไทยบ้างที่ได้มีโอกาสได้เป็นสาขาแรกของโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถมได้ข่าวว่า LeTao Cafe จะตามมาเปิดในไม่ช้า สาวกตั้งตาคอยกันได้เลย
พิกัดร้าน LeTao ของไทยตั้งอยู่ที่ ชั้น G ของสยามพารากอน อันนี้หาง่ายเลยค่ะ ใกล้กับลิฟท์แก้วตรง Swensen’s และ Ootoya
ร้านสีฟ้าโดดเด่นมองหาได้ง่ายจากระยะไกล (เห็นว่าจะมีที่ EmQuartier ด้วยนะคะ)
ไปถึงก็สำรวจของกันสักหน่อย
แน่นอนว่าสินค้ายอดนิยมก็หนีไม่พ้น Fromage Double (890B) ชีสเค้กสุดฮิตที่ใครๆ ก็ติดใจ
รสช็อกโกแลตก็มีด้วย
Chocolat Double (890B)
และชีสทาร์ตน่าทานอย่าง Venezia Rendezvous (840B)
แต่เปิดร้านทั้งทีแค่นี้คงไม่พอ
นอกจากเค้กที่นี่เลยยังมีทีเด็ดอีกหลายอย่างมาวางขาย
อย่าง Royale Montagne Darjeeling (390B; 590B) ช็อกโกแลตรูปพิรามิดกลิ่นชาดาร์จีลิง
ช็อกโกแลตลูกเล็กๆ น่ารัก อย่าง Petit Chocolat (450B) ที่มีถึงสามรสให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็น Strawberry, Amande Cocao & Macademia ซึ่งแต่ละกล่องจะบรรจุช็อกโกแลตสิบลูกด้วยกัน
ไม่หมดเท่านั้น ยังมี Bin de Fromage ชีสเค้กเหลวในขวดโหลกิ๊บเก๋ ที่ขายในราคาสามขวด 750B
ปิดท้ายด้วย คุ้กกี้น่าทาน Otaru Rue Ironai Fromage (390B)
หลังจากเดินชมยั่วกิเลสตัวเองเล่นจนครบ ก็ตัดสินใจซื้อ Double Fromage ใส่ถุงประคองกลับบ้าน
ทางร้านให้ ice pack มาด้วยถุงหนึ่งและใส่ถุงเย็นมาให้ค่ะ น่าจะพอต้านทานอากาศอบอ้าวหน้า(ไม่)หนาวของเราได้บ้าง
เห็นว่าก่อนทานให้วางไว้ที่อุณหภูมิห้องให้ละลายครึ่งชั่วโมงค่ะ
กว่าจะเดินทางถึงบ้านก็ครึ่งชั่วโมงพอดี ว่าแล้วก็เปิดชิมกันเลยดีกว่า
แกะถุงออกมาก็จะเจอกับกล่องลายไม้
ด้านนอกจะมีสติกเกอร์บอกวันหมดอายุไว้ ซึ่งถ้าเก็บไว้ในช่องแข็งตลอดก็น่าจะอยู่รอดได้ถึงวันหมดอายุข้างกล่องล่ะค่ะ
เปิดมาก็จะเจอกับแผ่นพับบอกรายละเอียดต่างๆ
รูปสวยเชียวแต่เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดค่า
อ่านไม่ออก 555
จากนั้นก็ถึงเวลาระทึกใจ เปิดกล่องรู้สึกเหมือนแกะห่อของขวัญก็ไม่ปาน
ก็แหม รอคอยสิ่งนี้มานานแสนนาน แอ่น แอน แอ๊น
รอบนอกของชีสเป็นเกล็ดเบาราวหิมะ เปิดพัดลมนี่ปลิวเต็มบ้านเลยค่ะ ปิดแทบไม่ทัน
จากนั้นก็ทำการตัดออกเป็นแปดชิ้นเท่าๆ กัน
เค้กยังแข็งๆ อยู่นิดหน่อยตัดยากพอควร
ที่ตัดเลยก็เพราะว่าครั้งหน้าที่จะกินจะได้หยิบเพียงชิ้นเดียวออกมาละลายค่ะ
แงะอย่างเบามือ โอ๊ย ดูนุ่มมากอะไรมาก
เห็นแยกเป็นสองชั้นบนล่างชัดเจน
จากนั้นก็ถึงเวลาชิมค่ะ เอ้า ถึงขั้นนี้แล้วจะรออะไรอีก จ้วงกันโลด
พอชิมแล้วก็ได้รู้ซึ้งเลยค่ะว่าชีสเค้กในตำนานที่ว่าอร่อยนักอร่อยหนามันพาให้ล่องลอยขนาดไหน
ชั้นบางๆล่างสุดเป็นเค้กนุ่มฟูประมาณสปันจ์เค้ก ชั้นถัดมาเป็นชีสเค้กอบหอมมันเข้มข้นได้รสชีสเน้นๆ ส่วนชั้นบนเป็นมาสคาโปนชีสที่ไม่ได้อบ เนื้อเบา ละลายในปาก แถมเค้กยังเย็นๆ อยู่ ชั้นครีมนี้เลยเย็นชื่นใจเป็นพิเศษ คือเหมือนได้กินเกล็ดหิมะนุ่มๆ อย่างไรอย่างนั้น
สรุปว่าถึงเค้กจะดูชิ้นเล็กทำให้รู้สึกแพงกับราคา 890 บาท แต่รสชาติหวานอ่อนๆ และความนุ่มเนียนพิเศษไม่เหมือนใครนั้นชนะขาด ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาค่ะ ใครยังไม่ได้ชิมแนะนำให้รีบไปลิ้มลองกันนะคะ แล้วคุณจะต้องติดใจ !
***
ติดตามงานเขียนอื่นๆ ของเราได้ที่ www.foodiesjournie.com และแวะไปพูดคุยทักทายกันได้ที่หน้าเพจ www.facebook.com/foodiesjournie นะคะ