สวัสดีค่ะ
วันนี้จะพาไปลิ้มรส “ข้าวแช่องค์หญิง” สูตรต้นเครื่องพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิมลฉัตร พร้อมตื่นตาไปกับภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของหม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธ์ บริพัตร กันที่ L’atelier De Marsi กันค่ะ
งาน “ชมงานศิลป์ กินข้าวแช่” นี้จะจัดขึ้นเพียงสี่วันคือในวันที่ 18-19 และ 25-26 มีนาคมนี้ โดยราคาจะอยู่ที่ชุดละ 495B จำกัด 20 ชุดต่อวัน และผู้เข้าร่วมจะได้รับการ์ดที่เป็นผลงานภาพเขียนของท่านหญิงมารศีฯ ติดไม้ติดมือกลับบ้านเป็นที่ระลึกอีกด้วย
ร้าน L’Atelier de Marsi นั้นตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
การเดินทางก็ง่ายดายเพราะติดกับ BTS สนามกีฬาฯ เลยค่ะ
ในร้านนั้นตกแต่งด้วยสีม่วงเป็นหลัก
ในร้านก็จะมีภาพเขียนฝีพระหัตถ์จำลองของหม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธ์ บริพัตรรายล้อมอยู่โดยรอบ
หม่อมเจ้ามารศีเป็นศิลปินชาวไทยที่มีชื่อเสียง ตัวท่านเองประทับอยู่ที่ฝรั่งเศสยาวนานถึง 40 ปี
งานเขียนของท่านเป็นแนว surrealist/fantastic ดังจะเห็นได้จากจินตนาการล้ำๆ และการเลือกใช้โทนสีสันที่แปลกตาในหลายๆ ภาพ
ฝีมือของท่านเป็นที่ประจักษ์และเคยได้มีการรวบรวมผลงานจัดแสดงเป็นนิทรรศการในกรุงปารีส และตอนใต้ของฝรั่งเศสอยู่หลายครั้งหลายครา
และสำหรับในเมืองไทยเองก็เคยมีการจัดงานแสดงภาพเขียนของท่านในปี 2508, 2553 และ 2556
สำหรับชุดข้าวแช่สูตรเด็ดนี้ จะมีองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน แถมมีเครื่องดื่มและของหวานพร้อมสรรพ
เริ่มจากน้ำอัญชันใบเตย หวานน้อย หอมอ่อนๆ เสิร์ฟเย็นๆ ชื่นใจ
จากนั้นจึงเสิร์ฟข้าวหอมมะลิ ที่หุงให้เรียงเม็ดพอดีๆ
ซึ่งสำหรับข้าวแช่นั้น แน่นอนว่าจะต้องมีน้ำลอยดอกมะลิเย็นๆ ในเหยือกมาให้เทใส่
น้ำลอยดอกมะลิที่นี่คัดเลือกมะลิกลิ่นหอมและมีการอบควันเทียน ทำให้กลิ่นหวานละมุนอบอวล
เสิร์ฟมาในเหยือกพร้อมน้ำแข็งรับประกันความเย็นชื่นใจที่เหมาะกับหน้าร้อนของไทยเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเครื่องเคียงนั้น จะมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น หรุ่มพริกหยวกสอดไส้หมูสับที่ที่นี่เลือกพริกชิ้นโต คัดแต่ที่ไม่แก่เพื่อให้ไม่เผ็ดจัด และลวกอย่างไวทำให้ยังกรอบ ไม่นิ่มหยุ่นเหมือนที่เคยทานกันทั่วไป ตัวไส้ก็รวนหมูสับกับสมุนไพรหลากหลายชนิดจนมีกลิ่นหอม
หอมแดงไส้ปลาทอด ที่คัดเลือกหอมที่ยังมีจุกด้านบนเพื่อง่ายต่อการหยิบทาน
คว้านก่อนที่จะยัดไส้ที่ทำจากปลานิลสดๆผัดกับสมุนไพรแทนที่จะใช้ปลาแห้งเป็นไส้อย่างอีกหลายๆ ที่
เมื่อยัดไส้เสร็จก็นำทั้งหมดไปทอดอีกทีจนกรอบน่าทาน
หมูเค็มฝอยผัดหวานของที่นี่ก็ดีตรงที่ไม่ได้หนักหวาน จะไม่เลี่ยน ทานง่าย
หัวไช้โป้วผัดหวาน แม้จะออกหวานนำ แต่ก็ไม่ได้มากเกินเช่นกัน
และที่ส่วนตัวชื่นชอบที่สุดก็เห็นจะเป็นกะปิปั้นชุบไข่ทอด ที่ใช้ปลาดุกคลุกกับเครื่องสมุนไพรหลากหลาย ผสมรากผักชี จากนั้นนำกะทิคั้นใส่ลงก่อนจะเคี่ยวจนเหนียวหนืดขึ้นก้อน ทานพอดีคำ
ปลาบปลื้มกับรสชาติเครื่องแกงที่กลมกล่อมจนเมื่อรวมกันแล้วออกมาอร่อยเด็ดไม่เหมือนใครจนทานเรียบในพริบตา
นอกจากเครื่องเคียงจะอร่อยเน้นลดหวานเพิ่มเค็มจะออกมากลมกล่อม ผักแนมของที่นี่ยังเป็นผักปลอดสารพิษที่สลักเสลามาอย่างวิจิตรบรรจง
ผักแนมนั้นมีทั้งแตงกวา กระชาย พริกชี้ฟ้า และมะม่วงพิมเสน
จะเห็นว่าทำอย่างใส่ใจมากมาย มีการแกะเป็นรูปดอกไม้ใบไม้สวยงาม
อย่างกระชายนั้นทำเป็นรูปดอกจำปีเสียดูดีทีเดียว
ชิมทั้งหมดนี้แล้วชื่นอกชื่นใจกับอาหารไทยต้นตำรับที่มักทานรับหน้าร้อนที่ทำออกมาได้รสชาติดีสมที่เป็นสูตรชาววัง
และยังได้รสหวานๆ ของ รากบัวแปะก๊วย มาทำให้ปิดท้ายมื้อนี้ลงอย่างสวยงาม
งานนี้เลยจะมาเชิญชวนทุกท่านให้ลองไปชมและไปชิมกัน
เพราะนอกจากจะได้ชิมข้าวแช่รสเยี่ยมที่ปรุงอย่างประณีตแล้ว คุณยังจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการศึกษาด้านศิลปะของมูลนิธิฯ อีกด้วยค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ [email protected] หรือ 02-004-2254