สั่ง Pizza & Pasta กันให้จุใจกับโปร all-you-can-eat @L’Opera Pizzeria

สวัสดีค่ะ

วันนี้กลับมาพร้อมกับ L’Opera Pizzeria ร้านอาหารอิตาเลียนบรรยากาศดีในซอยสุขุมวิท 39 ที่จัดโปร all you can eat สุดคุ้มให้เราไปลองชิมกันในช่วงเดือนนี้ถึง 1 มิย 60 นี้ค่ะ

ร้าน L’Opera Pizzeria เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1983 มีบริเวณกว้างขวางและมีโซนนั่งถึงสามโซนด้วยกันโดยแต่ละโซนจะเสิร์ฟอาหารแตกต่างกันไป ตั้งแต่โซน Fine dining ที่ตกแต่งดูเรียบหรูเหมาะกับดินเนอร์สุดโรแมนติก โซนบาร์ที่มี Live Music ให้คุณได้ฟังโดยมีวงดังๆ แวะเวียนกันมาเล่นเพลงบรรเลงความสุขให้แก่คุณๆ และโซน Pizzeria ที่มีเตาอบพิซซ่าให้เราได้ชมการทำพิซซ่ากันสดๆ

ซึ่งโซนนี้ตกแต่งแบบ casual น่าสบาย นั่งคุยกันได้ชิลๆ เพลินๆ

สำหรับโปรโมชัน all you can eat นี้ เป็นโปรที่จัดร่วมกับแอพจองโต๊ะอาหาร Hungry Hub โดยจะเลือกทานแบบ all you can eat ได้ก็ต่อเมื่อจองผ่าน Hungry Hub เท่านั้น

สนนราคาของโปรทานไม่อั้น จะอยู่ที่ 580B net สำหรับมื้อกลางวัน และ มื้อเย็น โดยนั่งทานกันไปเรื่อยๆ ได้ในเวลาสองชม.

เมนู

เมนูแรกที่ชิมกันคือ Caesar Chicken Salad ที่เสิร์ฟมาจานโตเต็มไปด้วย ผักสดกรุบกรอบ พาร์มาแฮมรสเค็มเข้มข้น ชีสพาร์เมซานฝานบาง และที่ถูกใจที่สุดก็คือ Garlic Bread หอมกรอบชุ่มเนย

ต่อมาด้วย starter อีกจานคือ Eggplant Parmigiana 

ถูกใจกับมะเขือนุ่มๆ ซอสมะเขือเทศรสอมเปรี้ยวที่ทำเองและแน่นอนว่าจานนี้มีทีเด็ดอยู่ที่ชีสยืดๆ เยิ้มๆ ที่ทำให้คุณต้องน้ำลายสอเมื่อได้เห็น

มาถึงจานพาสต้ากันบ้าง

พาสต้าของที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย ตัวพาสต้าเองก็สามารถขอให้ทางร้านสลับเส้นได้ตามความพึงพอใจ อย่างเราสั่ง Rigatoni Carbonara ที่มาพร้อมชิ้นเบคอน ครีมขาวรสนวล อบอวลด้วย parmesan cheese ก็ยังขอเปลี่ยนเป็นเส้น Penne ได้

หรือจะเป็นเมนู Linguine Vongole  ที่มีหอยลายผัดกับ white wine sauce ก็เป็นอีกทางเลือกที่แนะนำ

จานนี้เราก็มีแอบลองเปลี่ยนเส้นเป็นสปาเกตตี้ดู เข้ากันกับซอสและหอยลายกองโตได้ดิบดีไม่มีผิดหวัง

และที่ขาดไม่ได้ แถ่น แทน แถ้น ก็คือพิซซ่า ซึ่งหมวดนี้ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็นมีเหมือนกันเลยห้าเมนูคือ

Margherita (Tomato, mozzarella, basil)

Salame (Tomato, mozzarella, salami)

Mushrooms (Tomato, mozzarella, mushrooms)

Ham (Tomato, mozzarella, cooked ham)

Tuna (Tomato, mozzarella, onion, tuna)

ถามผู้จัดการร้านเค้าบอกว่าสั่งเป็นครึ่งครึ่งได้ถ้าอยากจะชิมสองหน้าในชิ้นเดียว แต่พอพยามจะสั่งกับบริกร ดูบริกรงงๆ เล็กน้อย ตอนถามก็ค่อยๆ ถามดูดีๆ แล้วกันนะคะว่าเค้าพอจะทำให้ได้ไหม

เราเห็นเค้างง เลยกินหน้าเห็ดธรรมดาๆ เต็มชิ้นนี่ล่ะค่ะ

แหม อบสดๆ มาร้อนๆ ก็ต้องขอบกรอบๆ ชีสยืดๆ เป็นธรรมดา

ฟินกันไปค่ะ

และถ้าใครยังไม่อิ่มจัดไปต่อไหวก็สั่ง Salsiccia alla griglia  มาชิมกันได้

โดยเมนูนี้จะเป็นไส้กรอกอิตาเลียน เสิร์ฟพร้อมมันบดเนื้อนุ่มและซอสเห็ดรสชาติเข้มข้น

และสุดท้าย ก็มาถึงเมนูของหวานที่รอคอย

กับรายการที่ขาดไม่ได้ทุกครั้งที่ไปร้านอาหารอิตาเลียน คือ Tiramisu และ Panna cotta

ไฟท์นี้ยกให้ tiramisu ชนะไป ทำรสชาติมาได้หอมละมุนนุ่มนวลถูกใจจริงๆ

จบมื้อแล้วทางร้านก็จะมี coffee or tea ในชุดบริการด้วยนะคะ ก็เลือกสั่งกันมาจิบ ชิลๆ ระหว่างนั่งคุย นั่งย่อยกันได้ตามชอบใจ

ใครอ่านแล้วอินอยากตามไปฟินบ้านก็จองไปตามรอยกันได้ที่นี่เลยค่า

 

 

 

สำหรับคนที่ชอบไวน์ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดมาสอดส่องกรุไวน์ของร้านนี้เพราะมีไวน์ที่สะสมไว้มากมายหลายหลากชนิดเรียงจนเต็มผนังไปหมด คอไวน์ที่อยากเอาไวน์มา ที่นี่ก็เปิดให้ได้แต่มี corkage fee อยู่ที่ 500 บาทสำหรับไวน์ และ 800 บาทสำหรับวิสกี้ แต่ถ้าเปิดไวน์กับที่นี่หนึ่งขวด ขวดที่นำมาเองก็จะเปิดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดค่ะ

สรุปว่า

ไม่ว่าคุณจะอินกับพิซซ่า เป็นสาวกพาสต้า หรือเป็นคอไวน์ ร้าน L’Opera Pizzeria ก็เป็นร้านที่ลงตัวน่ามาลองชิมกันได้สำหรับทุกคนค่ะ

Comments

comments