Location: 63/3 Soi Ruamruedee, Pathumwan, Bangkok, Thailand
Cuisine: Innovative Italian
Recommended dishes: Crab & Squid Ink Fettucine, Eggplant & Ricotta Lasagne, Tiger Prawn & Squid Pesto Pizza
FB page: www.facebook.com/italics.bangkok
Promotion: All You Can Eat Lunch 349 B or Dinner 599B (2 hrs) for Pastas & Pizzas when booked through Hungry Hub
สวัสดีค่ะทุกๆ คน
วันนี้เราพาคุณมาลองชิม Italics ร้านอาหารอิตาเลียนร่วมสมัยในซอยร่วมฤดีกันค่ะ
ร้าน Italics นั้นตั้งอยู่หน้าซอยร่วมฤดี 3 มองเห็นได้จากซอยหลัก หาไม่ยาก มีที่จอดรถเป็นบริเวณกว้างขวาง ใครจะขับรถมานี่ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดกันแน่นอนค่ะ หรือหากใครจะมาทาง BTS ก็สามารถลงสถานีเพลินจิตแล้วเข้าซอยมาจากด้านถ.เพลินจิตได้เช่นกัน
เดินเข้ามาก็จะพบกับร้านทางด้านขวา ตกแต่งสไตล์ออกโมเดิร์น ให้เข้ากับอาหารที่เป็นอาหารแนวอิตาเลียนร่วมสมัย
ใครที่ชอบ cold cuts ที่นี่ก็มีแฮมหลายชนิดที่นำเข้ามาจากอิตาลีให้ได้ลองชิมกัน
เข้าร้านมาก็จะเห็นแฮมและชีสวางโชว์อยู่ด้านหน้าล่อใจ ส่วนอีกตู้เป็นเค้กน่าตาน่าทานชวนให้หาซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
ร้าน Italics มีพื้นที่กว้างขวางพอตัว เรียกว่าถ้าจะขนกันมาสังสรรค์สักสิบคนก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา
เมนูอาหารของที่นี่เรียกได้ว่าหลากหลาย มีตั้งแต่ ซุป สลัด พิซซ่า พาสต้า ครบครัน
นอกจากนี้ ทางร้านยังคัดสรรเนื้อคุณภาพเยี่ยมมาไว้ให้สำหรับ meat-lovers โดยเฉพาะ ซึ่งมีให้ทั้งไซส์เล็กทานคนเดียวอย่าง 150-Day Grain-Fed Beef Ribeye (990B) และ Grass-Fed Beef Tenderloin (890B/200g) ไปจนถึงชิ้นใหญ่มหึมาที่ให้ทานด้วยกันจุใจทีละหลายๆ คนอย่าง 150-Day Grain-Fed Angus Beef Prime Rib ( 2000B/1kg) และ 400-Day Grain-Fed Wagyu Beef Prime Rib (3500B/1kg)
เคล็ดลับความอร่อยของเนื้อร้านนี้ที่ใครๆ ติดอกติดใจเห็นจะเป็นการใช้ wood-fired oven ที่มีอุณหภูมิสูงมากทำให้สามารถดึงความอร่อยและเพิ่มกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ให้แก่เนื้อ
แต่สำหรับวันนี้ เรามีรายการพิเศษของทางร้านมาแนะนำค่ะ
สำหรับช่วงนี้จนถึง 27 ตุลาคม Italics จับมือกับ Hungry Hub – Thailand Restaurant Reservation App ให้คุณได้มาอิ่มอร่อยในรูปแบบ all-you-can-eat สำหรับมื้อเที่ยงในราคาเพียง 349B เท่านั้น โดยให้เวลาอิ่มอร่อยกันถึง 2 ชม. ด้วยกันทีเดียว
เห็นราคาแล้วถึงกับต้องขยี้ตา เพราะคุ้มค่าจนเหลือเชื่อ โดยเมนูที่เลือกมาร่วมรายการนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเมนูปกติของทางร้านที่ดูราคา a-la-carte แล้ว แต่ละจานก็เกือบๆ สามร้อยบางจานก็เกินเสียอีก ถือว่าเป็นกำไรของคนกินโดยแท้
ว่าแล้วทีมงานก็เลือกหลากหลายเมนูที่ร่วมรายการมาให้คุณๆ ได้ชมกันค่ะ
เริ่มจาก Truffled Mushroom Soup (ปกติ 225B)
ซุปถ้วยนี้มาร้อนๆ ตัวซุปไม่ได้หนักครีมจึงไม่ได้ออกข้นเหมือนที่คุ้นเคยกัน แต่จะค่อนข้าวเหลว เนื้อซุปเน้นไปที่เนื้อเห็ดจึงมีกลิ่นและรสของเห็ดเต็มที่
นอกจากซุปเห็ดอีกทางเลือกก็จะเป็นซุปมะเขือเทศรสเปรี้ยวอ่อนๆ กำลังดีอย่างเมนู Slow Cooked Tomato (ราคาปกติ 195B)
ต่อกันด้วย side dish อย่าง Potato Wedges (ราคาปกติ 125B)
และ Charred Baby Corn (ราคาปกติ 175B) ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับผักร็อกเกต
ข้าวโพดอ่อนรสหวาน ย่างมาได้ที่จนหมดกลิ่นเขียว มีแต่กลิ่น char หอมๆ ทานกับสลัดร็อกเกตขมนิดๆ อร่อยจนต้องสั่งเพิ่มจานที่สองกันเลยค่ะจานนี้
side dish อีกจานที่ทางร้านบอกว่าเป็นเมนูยอดนิยมก็คือ Macaroni & Cheese (ราคาปกติ 225B)
จานนี้เราเติมความหรูด้วยการขอเพิ่มเห็ดทรัฟเฟิลลงไปเพิ่ม มักกะโรนีที่อร่อยอยู่แล้วก็เลยยิ่งเทพเข้าไปใหญ่ด้วยกลิ่นของทรัฟเฟิล (Black Truffle 99B/g – ไม่ร่วมรายการ)
ชิมจานเล็กจานน้อยแล้วก็หันมาสนใจกับพาสต้า
เห็นเป็น all-you-can-eat แบบนี้ ทางร้านก็จัดเต็มนำพาสต้าอร่อยๆ ของเมนูปกติมาร่วมรายการถึงห้าเมนู มีทั้ง Linguine, Penne, Spaghetti
ที่เราเลือกสั่งก็เป็น Crab & Squid Ink Fettucine (ราคาปกติ 490B) เฟตูชินีเส้นหมึกดำที่เสิร์ฟมาพร้อมกับร็อกเกต
จานนี้ให้ปูมาเพียบ ตัวซอสนั้นออกรสเผ็ดจัดจ้านถูกใจคนไทย แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบรสเผ็ดก็อาจจะรู้สึกว่ารสจัดไปหน่อยสำหรับอาหารอิตาเลียน
ถัดมาเป็น Eggplant & Ricotta Lasagne (ราคาปกติ 390B)
จานนี้ฟินมากตรงที่ชีส ยืดดดด เมื่อตักลงไป
มะเขือชิ้นโตก็ทำมานุ่ม เจอกับลาซานญ่าทำมือของที่ร้านกับริคอตต้าชีสเข้าไป เป็นใครใครก็ต้องหลงรักจานนี้
นอกจากจะมีพาสต้าให้เลือกหลายชนิด โซนพิซซ่าก็ไม่น้อยหน้ากัน ทางร้านขนพิซซ่าหน้าเด็ดๆ มาร่วมรายการถึง 7 ชนิด
ที่เราสั่งมาก็มี Pumpkin Ricotta (ราคาปกติ 390B)
พิซซ่าของที่นี่บางกรอบเพราะอบมาด้วย Wood-fired oven กัดเข้าไปทีนี่เสียงมันใช่มากๆ
ฟักทองหวานๆ sundried tomato รสเปรี้ยวนิดๆ เค็มหน่อยๆ ทานกับริคอตต้าชีสเนื้อเนียนนั้นเข้ากันดิบดีอย่างไม่น่าเชื่อ
กับอีกเมนูที่ต้องขอยกนิ้วให้ คือ Tiger Prawn & Squid Pesto Pizza (ราคาปกติ 490B)
จานนี้เกินคุ้มเพราะมีทั้งกุ้งทั้งปลาหมึก และที่เด็ดขาดมากก็เห็นจะเป็น pesto sauce ที่เชฟใช้ทั้ง Basil แบบฝรั่ง และ Thai sweet basil ของไทยเราผสมกันจนได้รสชาติที่อร่อยไม่เหมือนใคร
พิซซ่าก็ชีสยืดนะ
สำหรับจานพิซซ่านั้นจะเสิร์ฟมากับเครื่องปรุงหกชนิด คือ oregano พริกป่น พริกไทย ซอสมะเขือเทศ ซอสเพสโต และน้ำมันมะกอก ให้ตักได้เติมได้เองตามใจชอบ
กินเข้าไปขนาดนี้ รู้สึกว่าคุ้มจนแทบจะกลัวทางร้านขาดทุน แต่เมนูอร่อยยังไม่หมดแค่นั้น
สำหรับของหวาน ทางร้านจัดเตรียมไว้ถึงสองเมนูคือ
Banana Ricotta Cheesecake (ราคาปกติ 190B)
และ Caramelized White Chocolate (ราคาปกติ 225B)
ระหว่างสองจานนี้ ส่วนตัวโหวตให้จานที่สอง ไอศกรีมซอร์เบท์มะนาวและไอศกรีมบลูเบอร์รี่โยเกิร์ตเข้ากันมากๆ กับไวท์ช็อกโกแลตเนื้อนุ่มเนียน แถมมี crumble กรอบๆ หวานๆ โรยมาให้มีรสสัมผัสตัดกัน เพิ่มความซับซ้อนให้จานนี้มากขึ้น
ถึงกับเป็นอีกจานที่ต้องขอสั่งมาเบิ้ลเป็นจานที่สอง
มื้อนี้กินเสียอิ่มแปล้ เราเลยขอตบท้ายด้วยกาแฟร้อนเสียหน่อย (Espresso Macchiato 110B – ไม่ร่วมรายการ) เป็นอันจบมื้อลงอย่างสวยงาม
โดยรวมประทับใจกับร้านนี้มากๆ ถึงกับตั้งใจว่าต้องมากินอีกหลายๆ รอบ เพราะเมนูที่อยู่นอกรายการก็น่าทานอีกหลายอย่าง คุณภาพและรสชาติของอาหารทุกจานที่ชิมก็ดีเยี่ยมเพราะใช้วัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี มีทั้งส่วนที่นำเข้า และผักที่ใช้ของในประเทศอย่างของโครงการหลวง และมีวิธีปรุงที่ผสมผสานการใช้ส่วนประกอบ local กับเมนูอิตาเลียนได้อย่างลงตัวเช่นการพลิกแพลงเพิ่ม Thai sweet basil ลงใน pesto sauce จนออกมารสชาติน่าประทับใจ จริงๆ รสชาตินั้นเทียบกับราคา (ราคาปกติ) ก็สมเหตุสมผลมากอยู่แล้ว พอมาเจอกับโปรโมชันพิเศษสำหรับมื้อเที่ยงที่เมื่อจองผ่าน Hungry Hub จะทานได้ไม่อั้นในราคาเพียง 349B ก็ยิ่งรู้สึกว่าคุ้มสุดๆ คือบอกจากใจจริงเลยว่า โปรโมชันดีๆ แบบนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการใดๆ ทั้งปวงจริงๆ ค่ะ