เดี๋ยวนี้เทรนด์คาเฟ่มาแรงเสียเหลือเกิน ใครๆ ก็อยากจะหาคาเฟ่น้องใหม่นั่งสบายบรรยากาศชิคๆ ไว้ไปชิลกันในวันว่าง
วันนี้เราเลยจะขอแนะนำคาเฟ่สุดเก๋ ที่ตกแต่งได้ล้ำไม่ซ้ำใครให้คุณได้เก็บไว้เป็นตัวเลือกในวันสบายๆ ที่อยากไปผ่อนคลายพร้อมรับประทานอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆ กับผองเพื่อนหรือคนรู้ใจกันค่ะ
High Thyme Cafe เป็นร้านคาเฟ่น่านั่งตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ของ I am Park Chula ที่มีสถาปนิกหนุ่มไฟแรงอย่างคุณมาร์คเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งชื่อนั้นตั้งให้พ้องกับคำว่า High Time แต่เลือกใช้คำว่า Thyme เพื่อสื่อถึงการใช้สมุนไพรในการปรุงอาหาร และเข้ากับคอนเสปท์ของร้านที่ทำเสมือนเป็นห้องทดลองยา
คุณมาร์คเองเล่าว่า การคิดสูตรอาหารต่างๆ ก็เปรียบเสมือนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องปรุงนี่นิดปรุงนั่นหน่อย ลองผิดลองถูกจนได้สูตรเด็ดที่ลงตัวพอดิบพอดี ซึ่งอาหารและเครื่องดื่มที่เสิร์ฟที่ร้านนั้นมาจากการพัฒนาสูตรร่วมกันระหว่างเชฟและคุณมาร์คเองทั้งสิ้น อีกทั้งยังรับฟังความเห็นของลูกค้าและนำฟีดแบกกลับมาปรับสูตรเพิ่มอยู่เนืองๆ
ด้วยความร้อนวิชา คุณมากได้ใช้ความรู้ทางสถาปัตย์ที่ร่ำเรียนมามาใช้วางแปลนร้านนี้ทั้งหมดด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเรียนไม่จบชั้นปีที่สี่ จนตอนนี้จบมาเต็มตัวแล้วก็ยังปรับปรุงร้านเพิ่มเติมเรื่อยๆ ไม่หยุดอยู่กับที่
ด้วยสายตาอันเฉียบคมแบบสถาปนิก คุณมาร์คได้แบ่งสัดส่วนตัวร้านออกได้อย่างเหมาะเจาะ
มีส่วนด้านหน้าที่ตกแต่งด้วยหลอดไฟนีออน ให้มีบรรยากาศคล้ายๆ Red Light District ที่ Amsterdam
ถ้ามาตอนกลางวันจะได้อารมณ์หนึ่ง แต่ถ้ามาดื่มกลางคืนก็อาจจะรู้สึกเหมือนได้ไปนั่งชิลๆ อยู่ที่ย่านท่องราตรีของยุโรป
ด้านในมีส่วนให้นั่งพักนั่งนั่งทานขนมจิบกาแฟกว้างขวาง และแน่นอนว่าใครอยากมานั่งทำงาน ทางร้านก็มีไวไฟและปลั๊กไฟเตรียมไว้ให้บริการ
แถมยังแบ่งบริเวณให้นั่งรับลมแบบ Outdoor ไว้ส่วนหนึ่งด้านนอกอีกด้วย เรียกว่าการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยนั้นทำได้อย่างลงตัว
แต่จุดสนใจพิเศษที่ทำออกมาได้เก๋ไก๋ไม่เหมือนใครเห็นจะเป็นการออกแบบของตกแต่งร้าน ที่ทำออกมาราวกับทั้งร้านเป็นห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่ปาน
นอกจากจะมีส่วนที่จัดไว้ราวกับห้องแลปเคมีแล้ว คุณมาร์คเองก็เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์อีกหลากหลายในการเสิร์ฟอาหาร ไม่ว่าจะใช้บีเกอร์แทนแก้ว ใช้หลอดฉีดยาในการเติมไซรัป
รวมไปถึงการทำเมนูให้เก๋ไก๋ให้ลูกค้าได้สนุกสนานไปกับชื่อเมนูเครื่องดื่มและอาหาร ทั้งฟอนต์ที่ใช้ที่ทำให้นึกถึงตารางธาตุไปถึงกระทั่งการใส่วันที่ที่ค้นพบอยู่ในเมนูด้วย
แหม เห็นเมนูแล้วตื่นตาตื่นใจ เลือกแทบไม่ถูกกันทีเดียว ว่าแล้วเรามาลองชิมเครื่องดื่มสูตรเด็ดของที่นี่เลยดีกว่าค่ะ
เริ่มจาก Choco Brownie Grind (145B)
เครื่องดื่มหน้าตาน่ากิน ละลายใจทั้งคนชื่นชอบของหวานและสาวกช็อกโกแลต
ถ้วยนี้กรุณาอย่าคำนวนแคลอรี่แต่บอกได้เลยว่าเข้มข้นถึงใจมาก ด้วยช็อกโกแลตคุณภาพดีที่ทางร้านเลือกใช้ ผนวกกับการใส่บราวนี่ชิ้นโตเต็มคำลงไปปั่นจนได้เนื้อนุ่มๆ แทรกอยู่ในทุกคำที่ดื่ม
แก้วนี้ มีกี่คะแนนเทหมดหน้าตัก
ต่อกันด้วย Caramel Macchiato ปั่น (140B)
ตัวกาแฟกลิ่นหอมอบอวล คาราเมลหวานๆ ด้านบนช่วยตัดความขม แถมมีทีเด็ดที่โรยอัลมอนด์ด้านบนจนได้รสสัมผัสกรุบกรอบควบคู่ไปด้วย
เป็นอีกเมนูที่คอกาแฟน่าจะถูกใจ
ใครที่อยากลองน้ำหวานสีสวยๆ ดูบ้าง แนะนำ Summer Passion Soda (125B)
น้ำผลไม้รสเปรี้ยวดื่มแล้วสุดแสนจะสดชื่น เหมาะกับวันอากาศร้อนๆ ของบ้านเราเป็นที่ยิ่ง
หรือถ้าใครอยากได้แบบธรรมดาๆ ที่คุ้นเคยกันหน่อย สั่งเป็น Iced Tea ไปเลยก็เข้าท่า ดื่มง่าย ชื่นใจ
นอกจากเมนูเครื่องดื่มเย็นเครื่องดื่มร้อนที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย
ที่สะดุดตาจนต้องสั่งมาลองคือ Lavender French Rose (90B) ที่คุณมาร์คบอกว่าเป็นสูตรลับเฉพาะของทางร้าน
ไอเดียมีอยู่ว่า สาวๆ หลายๆ คนยังกล้าๆ กลัวๆ กับกาแฟ มักจะหาว่าเข้มไปบ้างขมไปบ้าง ทางคุณมาร์คเลยลองปรุงใหม่โดยใช้ Lavender และ French Rose ในการ infuse เพื่อว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบและ ดอกลาเวนเดอร์ จะทำให้กาแฟกลิ่นละมุนทานง่ายขึ้นซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าสาวๆเป็นอย่างดี
จบหมวดเครื่องดื่มก็มาต่อที่หมวดอาหารคาวกันบ้าง
อาหารจานร้อนที่นี่มีหลากหลายทั้งสไตล์ไทยๆ และสไตล์ฝรั่ง
วันนี้เราสั่งเมนูซิกเนเจอร์คือเมนู Creamy Omelet with Bacon on Rice (75B) ข้าวหน้าไข่ข้นเนื้อนุ่มที่โปะเบคอนที่ปรุงรสเข้มข้นมาพูนๆ
จานนี้ใครใคร่เพิ่มเบคอนให้พูนกว่านี้สามารถสั่งเพิ่มได้อีกในราคาเพียง 10 บาท หรือใครอยากได้เป็น กุ้ง ปลาหมึก แซลมอน เนื้อ หมู ไก่ หรือแม้กระทั่งชีสก็เติมได้ในราคา 5-20 บาทต่อไอเทม
อ่านแล้วตกใจ เป็นเมนูสุดคุ้มที่อร่อยเด็ด ต้องรีบแนะนำให้ไปจัดกันเลยทีเดียว
หยุดของหวานไว้เพียงเท่านี้เพราะเหล่ไว้แล้วว่าร้านนี้มีขนมหวานน่าทานหลายอย่าง
อย่างแรกที่สั่งมาลองคือ New York Cheesecake (135B)
จานนี้ตักเข้าปากแล้วถึงกับต้องร้องว้าว เพราะชีสเนียนแน่น ได้อารมณ์ชีสเน้นๆ สมกับเป็นนิวยอร์กชีสเค้ก แต่ตัวเนื้อกลับบางเบากว่าที่คาดทำให้ทานได้มากเพราะไม่หนักจนเกินไป
อันนี้แย่งกันจ้วงหมดภายในพริบตา สูตรของที่นี่พิเศษไม่เหมือนใคร แนะนำให้มาลองค่ะ
สุดท้ายเอาใจคอช็อกโกแลตด้วย Choco Lava Set (115B) ที่ดาร์กมากๆ เข้มสุดๆ จนใครที่ชอบดาร์กช็อกโกแลตเป็นทุนเดิมจะต้องใจละลาย
ไส้ด้านในมาเยิ้มๆ แบบที่ควรจะเป็น แถมยังมีซอสช็อกโกแลตเพิ่มมาให้ด้านข้างอีก
จบจานนี้นี่ฟินช็อกโกแลตตายคาร้านกันเลยทีเดียว
โดยรวมแล้วประทับใจกับร้านนี้มากๆ ค่ะ ทั้งบรรยากาศชิคๆ ตัวร้านนั่งสบาย นั่งคุยนั่งทำงานได้นานๆ โดยไม่มีใครว่า ไวไฟพร้อมปลั้กพร้อม และที่สำคัญ อาหาร เครื่องดื่มและขนมอร่อยทุกอย่าง
พูดขนาดนี้แล้ว ไม่ลองถือว่าพลาดค่ะ อย่าลืมตามไปชิมกันให้ได้นะคะ