สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
วันนี้จะมาแนะนำ Harvey ร้านอาหารสุดอร่อยที่ทองหล่อซอย 9 ให้เพื่อนๆ ได้ไปลิ้มลองค่ะ
เรื่องของเรื่องคือตัวเองได้ยินกิตติศัพท์ว่าที่นี่เป็น Weekend Brunch Buffet (1200B++) ที่เทพมากมานานแสนนานแต่ไม่มีโอกาสได้ล้างท้องไปลองชิมสักที ทีนี้วันนึงเกิดว่างพอดีจังหวะเหมาะโดยไม่ได้นัดหมายเลยลองแวะ walk-in เข้าไปชิมดูค่ะ
ทางร้าน Harvey ตั้งอยู่ที่ 129 Sukhumvit 55, Thonglor Soi 9, Sukhumvit Road, Klongton-Nua, Bangkok 10110 นะคะ มีที่จอดรถสะดวกสบายค่ะ
เข้าไปถึงก็จะพบกับบรรยากาศดูดีมีระดับ แต่ไม่ถึงกับหรูจนต้องเกร็งมากมาย
ทางเข้าเป็นห้องเก็บไวน์ มีไวน์ดีๆ วางเรียงรายโชว์ไว้ให้เห็นมากมาย
ชะโงกไปดูใกล้ๆ แล้วถึงกับต้องตกใจค่ะ เพราะหลายๆ ขวดนี่เป็นของดีหายากราคาเหยียบแสนกันเลยทีเดียว
ปรากฏว่าเราไปกันวันธรรมดาเลยไม่มีบุฟเฟต์ค่ะ แต่มีทีเด็ดกว่านั้นที่เราไม่เคยรู้ เขกหัวตัวเองรัวๆ สามทีที่พลาดมานาน คือที่ร้านมีชุดอาหารกลางวันราคาเหลือเชื่อให้บริการค่ะโดย 3-course lunch อยู่ที่ 490B++ และสามารถเลือกทานเป็น 4-course lunch ได้ในราคาเพียง 590B++ เท่านั้น
เห็นเมนูแล้วยิ่งตกใจ เพราะฟังหรู ดูดีน่ากินทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะขายได้ในราคานี้
สำหรับสไตล์อาหารทางร้านเรียกตัวเองว่าเป็น Inspired California Cuisine ค่ะ ดูจากเมนูแล้วก็เห็นความหลากหลายน่าสนใจ ผสมผสานหลายๆ จานที่เราคุ้นเคยกันจาก French Cuisine บ้าง Italian Cuisine บ้าง
วันนี้มากันสี่คน สั่งได้ 16 อย่างพอดีค่ะ อิอิ
ว่าแล้วก็ต้องชิมกันดูเสียหน่อยว่ารสชาติจะดีเหมือนที่ร่ำลือหรือไม่
เริ่มจากขนมปังที่เสิร์ฟมาอุ่นๆ พร้อม Dip สองแบบ
แค่ขนมปังทานเล่นก็อร่อยมากจนต้องแปลกใจ เผลอแป๊บเดียวหมดเกลี้ยงถึงขั้นต้องเรียกมาเติมเชียวค่ะ
และแล้ว starter เราก็มา
มีตั้งแต่ Pate เนื้อเนียนเสิร์ฟมาบนขนมปังกรอบแผ่นบาง ราดด้วยแยมมะเดื่อ เข้ากันสุดๆ
Foie gras creme brulee เนื้อนุ่มละมุน หอมมัน ทานกับ toast focaccia และ berry balsamic reduction มีชิ้นฟัวกราส์เล็กๆ ด้านบนให้ได้ฟินกันไป
Baked Portobello Mushroom ที่อบมาหอมๆ โปะชีส Mozzarella แล้วอบจนยืดเยิ้ม แถมด้วย black truffle cream อีกต่างหาก
และอีกจานโปรดของหลายๆ คน
Tuna Tartare ที่ผสมผสานให้แปลกใหม่โดยการใส่ส้มโอและซอสวาซาบิลงไปด้วย ออกมาก็เข้ากันได้ลงตัวดี
ต่อด้วยคอร์สพาสต้าที่เราเลือกมาชิมทั้ง
Spaghetti Bolognese สุดคลาสสิก
Crab Meat Linguini ที่เสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศ-โหระพารสเผ็ดจัดจ้าน
และจัดเส้นแบนหรือ Fetuccini ไปอีกสองจาน คือ
Italian Sausage รสเข้ม
และ Lamb Ragout ที่เนื้อแกะทำมาจนนุ่ม…ละลายในปาก
ถัดมาก็เป็น Main Course ที่รอคอย
เริ่มจาก Baby Chicken ที่อบจนหนังกรอบเล็กๆ ราดมาด้วย red wine sauce รสเยี่ยม
จานนี้เสิร์ฟคู่กับ sauteed potatoes & mushroom
มาทั้งตัวอย่างนี้จุกไปเลยเหมือนกันค่ะ
อีกคนเลือกทานเป็น Duck Confit หนังกรอบ เนื้อนุ่ม
อันนี้เสิร์ฟกับ sauteed spinach and rocket
จานนี้หวานๆ หอมๆ ผลไม้ เพราะปรุงมาด้วย apple-raisin chutney และ orange-white balsamic sauce
สาวๆ รักสุขภาพก็มีจานปลาให้เลือกหลายจาน
วันนี้ข้ามปลาทูน่า (Tuna Steak) ไป เพื่อจะชิม Sole เมนูปลาตาเดียวที่เสิร์ฟกับ lemon butter sauce รสอมเปรี้ยวกำลังดี เหมาะกับอาหารจานปลาสุดๆ
และ Snowfish ที่ปลาเนื้อแน่น มีความนุ่มและมันมากขึ้นไปอีก
เชฟจับคู่อย่างชาญฉลาดกับ Yuzu-ponzu butter sauce ที่เปรี้ยวแหลมไปอีกแบบ แถมดูฟิวชันเล็กๆ ทานกับปลาแล้วเข้ากันดิบดี
อิ่มอร่อยกับจานหลักก็ปิดท้ายกันด้วยของหวาน
งานนี้มีตั้งแต่ Crepe Cover
เสิร์ฟกับไอศกรีมวนิลาและ raspberry reduction เปรี้ยวจี๊ด ที่ทำให้รสชาติจานนี้ pop!
Apple Tart Tartin ที่คู่มากับไอศกรีมวนิลาเช่นกันแต่ซอสหวานหอมรื่นรมย์ด้วยการเลือกใช้ apple-caramel sauce
White coffee panna cotta ก็เป็นอีกจานที่ได้ใจไปเพราะทำรสออกมาได้ละมุน ทานง่าย
กินกับผลเบอร์รี่หวานอมเปรี้ยวและแผ่นอัลมอนด์อบกรอบก็ยิ่งเข้ากัน
และใครอยากล้างปากก็จัดเป็น Ice Cream หรือ Sorbet หวานๆ เย็นๆ ชื่นใจ
จบสี่คอร์สแล้วยังทำได้อร่อยไม่มีบาดแผลให้ได้ติติง รสชาตินี่บอกเลยว่าไม่แพงร้านอิตาเลียนดังๆ ร้านอื่นแน่ๆ แต่ราคาสบายกระเป๋าจนแทบไม่น่าเชื่อ
ร้านนี้แนะนำสุดๆ ให้ไปลอง Lunch set กัน ส่วนใครสายแข็ง ทางร้านมี weekend brunch buffet ที่ราคา ให้ไปจัดเต็มกันค่า
จองได้ที่นี่ คลิ้กเลย!
***
อย่าลืมติดตามงานเขียนอื่นๆ ของเราได้ที่ www.foodiesjournie.com
และแวะไปพูดคุยทักทายกันได้ที่หน้าเพจ www.facebook.com/foodiesjournie ค่ะ