สวัสดีค่า
วันนี้มาพร้อมกับร้านเนื้อย่างแสนอร่อยที่เดินทางสะดวกสบาย เพราะ Hanamachi Yakiniku นั้นตั้งอยู่ที่ถนนธนิยะ จะมาด้วย BTS ก็ง่าย จะใช้ MRT ก็เดินนิดเดียวส่วนถ้าใครจะขับรถมาสามารถจอดที่ตึกธนิยะหรือตึกญาดาได้โดยทางร้านจะประทับตราจอดรถสำหรับสองชั่วโมงให้ค่ะ
ร้านนี้หาไม่ยาก จะอยู่ตรงซอยใกล้ๆ กับราเมนมะเขือเทศ ติดกับร้านเกี๊ยวซ่า Osaka Ohsho ป้ายใหญ่เห็นแต่ไกลเลยค่ะ
ร้าน Hanamachi Yakiniku เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงคนญี่ปุ่น และได้รับความนิยมถึงขนาดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาเยือนไทยยังต้องแวะเข้ามาชิมกันอยู่เนืองๆ น่าจะติดใจกับทางร้านที่เลือกสรรวัตถุดิบเป็นอย่างดีและใส่ใจพิถีพิถันกับทุกๆ ตามสไตล์ชาวญี่ปุ่นแท้ๆ
นอกจากนี้ที่ร้านเองก็เอาใจไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่นที่ตกเย็นจะมาดื่มกินสังสรรค์กัน โดยมีห้องส่วนตัวถึงสี่ห้อง สามารถโทรมาสอบถามจับจองห้องได้โดยไม่เสียค่าใช่จ่ายค่ะ
ด้านนอกที่ไม่ได้เป็นห้องก็นั่งสบายและเป็นสัดส่วนจนรู้สึกเป็นส่วนตัวพอสมควรอยู่แล้วด้วย
พูดถึงเรื่องมาดื่มเบียร์เคล้าเนื้อย่างกันตอนค่ำๆ ที่นี่ก็มีเมนูเบียร์และสาเกให้เลือกหลากหลาย รวมไปถึงค็อกเทลอีกหลายแบบ
เราสั่ง Sakura Highball (180B) มาชิมค่ะ
สีชมพูอ่อนๆ เหมาะกับสาวๆ
มาร้านเนื้อย่างก็ต้องลุยเนื้อย่างกันแบบจัดเต็มไม่ให้เสียเที่ยวค่ะ จัดไปเลยกับซิกเนอเจอร์ชุดใหญ่ของร้าน Hanamachi Set (1,400B)
ชุดนี้ก็จะประกอบไปด้วย ลิ้นวัว (tongue)
เนื้อสันนอก (Kalbi Rib Eye)
และ เนื้อส่วนหน้าท้อง (flank steak)
เนื้อที่นี่เป็นเนื้อไทย-เฟรนช์ที่คัดแล้วอย่างดี
แล้วก็ยังมี หมูติดมัน (Pork Rib Eye)
กุ้ง (Prawn) จานใหญ่เลยดูไม่ออกเท่าไรว่าตัวโต๊โต
ปลาหมึก (Squid)
ผักชนิดต่างๆ (Vegetable) ที่มีทั้งแครอท ฟักทอง พริกหวาน หัวหอม ข้าวโพด เห็ดหอม และมันญี่ปุ่น
ส่วนตัวชอบฟักทองมากๆ หั่นมาบาง ย่างแล้วกำลังพอดี ส่วนมันก็เป็นออฟชั่นเสริมที่ไม่ค่อยได้เห็นมันแบบนี้ที่ร้านอื่นๆ
ทางร้านบอกว่าเป็นชุดสำหรับสองคน ซึ่งอาจจะหมายถึงปริมาณการทานของคนญี่ปุ่นหรือเปล่าไม่แน่ใจเพราะเราไปชิมกันแล้วลงความเห็นตรงกันว่าปริมาณสุดคุ้มที่ให้มาเพียบขนาดนี้นั้นน่าจะทานกันได้สักสี่คนเสียมากกว่า
ลองคิดๆ ดู ถ้าชุดนี้ทานกันสักสี่คน สั่งเพิ่มอีกนิดหน่อย ราคาที่ดูเหมือนค่อนข้างสูงก็จะกลายเป็นย่อมเยาไปในทันใด
แต่ถ้ามาแบบกะลุยเมนูพรีเมียม งานนี้ห้ามพลาดกับเนื้อวากิว Wagyu แทรกมันสวยสุดๆ เกรด A4 จากวัวคุโรเกะของคิวชู ส่วนที่เลือกมาให้ก็จะเป็นส่วนที่ดีที่สุดคือส่วน Strip Loin
ตัวเนื้อนั้นทางร้านจะชุบกับซอสสูตรพิเศษของที่ร้านมาให้ก่อน
จากนั้นก็ถึงเวลาเอาเนื้อสุดหรูย่างบนเตาถ่านจนได้ยินเสียงซู่ซ่าและกลิ่นหอมอบอวลจนน้ำลายสอ
ที่ชอบเป็นพิเศษคือการที่เนื้อของที่นี่หั่นมาให้อย่างหนา ที่อื่นหลายๆ ที่จะเน้นหั่นบางๆ แต่ของทางร้านเขามั่นใจในคุณภาพสุดๆ เลยจัดมาให้แบบเต็มที่
ด้วยความที่มาอย่างหนาแถมแทรกมันเยอะ ย่างแล้วก็ยังชุ่มฉ่ำ เคี้ยวทีเนื้อนุ่มละลายในปาก อร่อยคุ้มค่าสมราคาสุดๆ
ย่างเสร็จก็มีน้ำจิ้มสองแบบที่เบสเป็นโชยุทั้งคู่ แค่อันหนึ่งหวานนำ อันนึงเค็มนำ คือ Usukuchi กับ Kokuchi น้ำจิ้มทั้งสองแบบนี้เป็นสูตรของทางร้านเองที่แต่ละแบบก็มีเครื่องปรุงหลายอย่างใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่จะออกมาเป็นน้ำจิ้มรสกลมกล่อมกำลังดีให้เราได้จิ้มเนื้อทาน
และเพื่อเอาใจคนไทยที่นี่ก็มีกระเทียม พริกขี้หนู และพริกเกาหลีให้เลือกเพิ่มรสจัดจ้านตามชอบใจ
เห็นเนื้อเยอะๆ แบบนี้ กินแบบคนไทยก็คงขาดข้าวผัดกระเทียม (150B) ไม่ได้
ที่นี่ก็ทำได้อร่อย กินกับเนื้อเข้ากันดี
นอกจากเนื้อที่นี่ก็ยังมีชุดหมูคุโรบุตะ Kurobuta Set (630B)
ที่มีหลายส่วนทั้ง สันคอ (Rib eye) ทั้ง สันใน (Loin) ส่วนที่มีมันเป็นหมูสามชั้นหรือ Bacon ก็มี และยังมีส่วนสันนอก (Steak) ชิ้นโตด้วย
ทางร้านมีซอสสูตรพิเศษชุบมาให้เช่นกัน
ส่วนของหมูนั้นทานคู่กับผักกาดหอมและซอสมิโซแบบพิเศษที่เผ็ดนิดๆ เข้มข้นก็อร่อยไปอีกแบบ
และกิมจิที่ให้ทานเคียงก็กินเพลินดีจริงๆ
เนื้อก็แล้ว หมูก็แล้ว จัดอาหารทะเลไปอีกชุดด้วยกันเลยค่ะ
Seafood Set ของที่นี่มีสองขนาด ใหญ่ 1,350B และ เล็ก 750B
ในรูปนี่ชุดเล็กค่ะ เห็นแล้วแทบไม่เชื่อสายตา
ถ้าสั่งชุดใหญ่น่าจะจุกไปสักสองวัน
ประทับใจที่หอยแมลงภู่ตัวโตมากกก และน้ำจิ้มทะเลสูตรที่ทางร้านทำเองก็แซ่บถึงใจ
อีกชุดที่ชอบมากไม่พูดถึงไม่ได้คือชุดเห็ดรวม (240B)
เห็ดออรินจิ เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง อร่อยทุกอย่างเลย
ของที่นี่จะมีถาดใส่เนยหอมๆ มาให้ย่างเห็ดเข็มทองค่ะ
ไม่แน่ใจว่าใช้เนยแบบไหนแต่หอมเป็นพิเศษกว่าเนยทั่วไปมากทีเดียว
ปิ้งย่างแล้วก็ยังมีซุปเนื้ออุ่นๆ ให้ซดด้วย
ฮานามาชิซุป หรือ Special Soup (330B) ซุปรสเผ็ด กับเนื้อวัวนุ่มๆ ที่เคี่ยวจนเปื่อยเป็นเวลาหลายชั่วโมง เนื้อวัวชิ้นใหญ่มากๆ
นอกจากเนื้อย่างที่ให้เราได้ฟินกันสุดๆ แล้วที่นี่ยังแอบมีเมนูเด็ดๆ แอบซ่อนอยู่ อย่างเมนูบิบินบะแบบเกาหลีที่มาในหม้อหินร้อน Ishiyaki Bibinba (330B) ที่รสชาติเหมือนร้านเกาหลีแท้ๆ
เพิ่มความพิเศษตรงหม้อร้อนที่พอคลุกแล้วจะได้ข้าวกรอบๆ เหมือนข้าวตัง
อิ่มแปล้กันไปแล้วก็มาจบมื้อกันที่ของหวาน
ทางร้านมีให้เลือกสองอย่างคือผลไม้ชื่นใจ
หรือ ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ วนิลาและชาเขียว มีถั่วแดงด้านบนด้วย
ไอศกรีมหอมมันเนื้อนุ่มละมุน เด็ดมาก ต้องมาลองค่ะ
ตอนนี้ทางร้านแถมของหวานให้ฟรีเพียงแอดไลน์ของร้านเท่านั้น
อิ่มอร่อยกันไปแล้วก็รู้สึกว่าร้านนี้ดีจริง สมกับที่คนญี่ปุ่นชอบทาน ส่วนคนไทยที่อยากทานอาหารอร่อยมาตรฐานญี่ปุ่นก็น่าจะมาลองที่นี่ดูค่ะ เพราะนั่งสบาย สังสรรค์กันได้ยาวๆ อาหารก็ดีหมด ไม่รู้จะติอะไร บริการก็ไม่ขาดตกบกพร่อง มาชิลกันหลายๆ คนสั่งชุดเนื้อก็ทานกันอิ่มคุ้มค่า และถ้าหยอดกระปุกไว้ได้พอก็ขอชวนมาลองวากิวค่ะ ถึงจะดูแพงหน่อยแต่ของเค้าอร่อยเด็ดจริงๆ
ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 น. -01.00 น.
สั่งจองโต๊ะ โทร. 02 235 6667 นะคะ