สวัสดีค่ะ
วันนี้พาไปชิมอาหารอร่อยๆ เน้นหนักไปทางเนื้อหมักและเนื้อรมควัน (cured meat) กันที่ร้าน The Cured Chamber ค่ะ
ร้าน The Cured Chamber นั้นตั้งอยู่ที่เอกมัยซอย 2 ชั้นล่างของตึก Somerset
ด้านนอกมีที่นั่งให้รับลมธรรมชาติ
ส่วนด้านในเป็นสไตล์ farmhouse สีอบอุ่น
เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับห้องเก็บเนื้อหรือ the cured chamber ตามชื่อร้านที่สูงเกือบจรดเพดาน
ห้องนี้มีไว้บ่มและตากเนื้อไว้จนได้รสชาติพอดี
นอกจากเนื้อแล้ว ในห้องเย็นนี้ก็ยังเป็นที่เก็บรักษาผักผลไม้อีกหลายชนิดที่ผ่านกระบวนการถนอมอาหารไม่ว่าจะเป็นการหมักหรือการดองมาเรียบร้อย
ที่ร้านนั้นมีทั้งโซนที่นั่งกว้างๆ น่าสบาย
และก็ยังมี open kitchen กั้นผ่านกระจกใส
เราแอบส่องเชฟตอน in action กันได้เลย
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันเห็นจะเป็นบาร์ ที่มีเครื่องดื่มหลากชนิดให้เราได้เลือกเฟ้นมาลองชิม
นั่งปุ๊บทางร้านก็เสิร์ฟขนมปังอุ่นๆ ปั๊บ
พิเศษตั้งแต่จาน complementary เพราะขนมปังที่นี่มาเคยคู่กับเนย และ pumpkin puree เนื้อนวลแสนอร่อย ที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศ เผลอแปบเดียว เราก็กวาดฟักทองกันจนเกลี้ยง
สำหรับวันนี้ เราจะมาลองเมนู a la carte กัน
หลายๆ จานเป็นเมนูใหม่ ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ
เริ่มกันที่ Latina Chicken Pizza (260B)
จานชื่อเก๋ๆ จานนี้ก็คือ quesadilla นั่นเองโดยจะนำแป้ง tortilla มา grill ให้ด้านนอกเกรียมนิดๆ
เพื่อให้ตรงคอนเสปท์ของการเป็น “cured chamber” ไก่ที่ใช้จึงเป็นไก่รมควัน โดยทางร้านจะนำไก่ไปหมักจนรสชาติเข้าเนื้อ จากนั้นจึงใช้ไม้ฮิคคอรี่มารมควัน ด้านในพิซซ่านั้น จะเป็น capsicum หรือพริกหยวก
เสิร์ฟพร้อม sour cream, salsa และ guacamole
ส่วนตัวคิดว่าแป้งบาง และไก่รสชาติดี แต่ถ้าแป้งจี่มากรอบกว่านี้ได้อีกก็จะปลื้มยิ่งขึ้น ที่ถูกใจมากๆ คือตัว guacamole ที่บดอะโวคาโดมาจนเนื้อเนียนนุ่ม กินกับตัว quesadilla แล้วแสนจะเข้ากัน
ต่อด้วย Beet – Cured Salmon Mesclun Salad (280B)
จานนี้ showcase การ cure ในอีกรูปแบบ โดยทางร้านหมักและรมควันปลาแซลมอนเองโดยใช้สูตรพิเศษที่มีน้ำบีทรูทผสมทำให้ขอบปลาแซลมอนออกสีอมชมพูสดสวย
ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ขอชมการเลือกใช้ orange dressing เพราะให้รสหวานอมเปรี้ยวที่ทำให้จานนี้รสเบาๆ กินแล้วชื่นใจ นอกจากตัวน้ำสลัดจะเป็นรสส้ม ในจานสลัดเองก็ยังมีกลีบส้มเป็นชิ้นๆ เพิ่มสีสันและรสชาติอีกด้วย
ตามมาด้วยสลัดอีกจาน กับเมนู Duck Confit Ruby Salad (320B)
จานนี้ถือเป็นจานสลัดซิกเนเจอร์ที่มีจุดเด่นด้วยการใส่ทับทิมให้เป็นลูกเล่นทั้งด้านสีสันและรสชาติอมเปรี้ยวที่ทำให้สดใสและสดชื่นไปในเวลาเดียวกัน แถมยังมีแอปเปิ้ลให้รสหวานๆ กับน้ำสลัด yoghurt mayo ซึ่งกินแล้วพอเหมาะพอเจาะสอดรับกับเป็ดหนังกรอบที่ออกรสเค็มกำลังดี
ต่อด้วยจานพาสต้า Spaghetti Cheesy Meatball (350B)
ที่เห็นเป็นลูกชิ้น meatball ดูทานง่ายนี้ทางร้านใช้เนื้อวากิวอย่างดีตัวเดียวกับที่ใช้ทำ Beef Burger อีกหนึ่งเมนูฮิตของที่ร้าน
เพิ่มสเน่ห์โดยการใส่มอสซาเรลลาชีสแล้วอบด้านบนแบบกราแตงจนออกมายืดเยิ้มถูกใจ
อีกหนี่งเมนูชูโรงของทางร้านที่พลาดไม่ได้ก็คือ Roasted Half Chicken (480B)
ไก่ครึ่งตัวที่ผ่านกรรมวิธีสุดพิถีพิถัน ทั้ง การฉีดน้ำเกลือเพื่อให้เนื้อนุ่ม ตากในห้องเย็นต่ออีกสามวันเพื่อให้ไขมันไหลออก ทำให้ได้ไก่ที่หนังบางลง เมื่ออบตอนก่อนเสิร์ฟก็จะได้หนังกรอบอย่างที่ต้องการ
ส่วนเนื้อนั้นนุ่มอร่อยเพราะใช้การ slow roast ด้วยไม้ฮิคคอรี่อีกเช่นกัน การปรุงในส่วนแรกจะทำให้กึ่งๆ สุกก่อนไม่ต้องสุกดี แล้วก่อนเสิร์ฟจึงนำมาอบไฟแรงๆ อีกราว 15 นาที
ไก่รสชาติเข้มข้นที่หนังด้วยความที่ทาซอส BBQ Glace ที่ทำเองที่ร้านมาอย่างเต็มที่ ได้กลิ่น smoky หน่อยๆ ทานกับ มันฝรั่งชิ้นใหญ่ที่อบมากับโรสแมรี่กลิ่นหอมแบบเฉพาะตัว
เสียงและกลิ่นที่ลอยมาทำให้เราต้องมองตามตาเยิ้ม กับจาน Seafood Sizzling Pan (580B)
จานเด็ดที่คนชอบอาหารทะเลห้ามพลาด เพราะคุณจะได้ลิ้มรสทั้งกุ้ง ปลาหมึก และ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่ผัดมากับซอสทำเองที่มีส่วนผสมออกแนวคล้าย New Orleans sauce
เมนูนี้เสิร์ฟในจานร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าพร้อมกลิ่นหอมยั่วยวนที่ลอยมาแต่ไกล
เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ขนมปังกระเทียมกรอบๆ ชุ่มเนยหอมกระเทียม ที่พอกินด้วยกันจะได้รสชาติเข้มข้นลงตัว
สำหรับเครื่องดื่มนั้น ทางร้านจัดเครื่องดื่มไว้ให้เลือกสรรหลากหลาย
วันนี้เราเลือกลองกันในหมวดที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อย่างเมนู Blossom Spring น้ำลิ้นจี่กับแอปเปิ้ลผสมโซดาหอมหวานถูกใจสาวๆ
กับ Milkshake
นมปั่นที่ทุกคนคุ้นเคย ราดมาด้วย butterscotch กลิ่นหอมรสหวานนวล โปะด้วยวิปครีมจัดเต็ม งานนี้อร่อยมากมายไม่เสียดายความอ้วน
สำหรับของหวาน เราเริ่มกันที่ Pina Colada Popcicle
เชฟเอาคอนเสปท์ของ pina colada มาเล่นเป็นของหวานเย็นๆ โดยตัว semifreddo แท่งสีขาวที่เห็นนั้นทำจากมะพร้าวและไวท์ช็อกโกแลต ใส่มาลิบูหน่อยๆ เนื้อจะออกรสสัมผัสคล้ายๆ mousse มากกว่าไอศกรีม นุ่มๆ เบาๆ ตักชิมแล้วละลายในปาก
ตัวซอสเป็นมะนาวกับสับปะรด ราดลงบนสับปะรดชิ้นโตที่เชื่อมด้วยเหล้ารัม
แค่นี้ก็เป็น twist เก๋ๆ ให้กับ pina colada เป็นที่เรียบร้อย
สุดท้ายเราปิดกันที่ Strawberry Shortcake
ตัวนี้เชฟแอบทำไว้เอาใจกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น แต่สาวไทยอย่างเราก็หลงไหลได้ปลื้มไม่แพ้กัน
โดยเนื้อเค้กจะเป็น sponge cake สอดไส้แยมสตรอเบอร์รี่ที่ทางร้านทำเอง โปะด้วย mascapone cream และสตรอเบอร์รี่สด
ก่อนจะเพิ่มความเป็นสตรอเบอร์รี่ให้เต็มที่ขึ้นไปอีกกับตัว strawberry sorbet และ dehydrated strawberry ผงๆ ที่โปรยรายล้อม รสหอมหวานของเค้กสตรอเบอร์รี่ชิ้นนี้ช่วยให้เราจบมื้อแสนอร่อยลงได้อย่างสวยงาม
โดยรวม The Cured Chamber เป็นร้านที่เน้นอาหารหมักและรมควัน ที่พิถีพิถันทำอย่างตั้งใจและใช้วัตถุดิบดีเยี่ยมมารังสรรค์เป็นเมนูน่าสนใจหลากหลายให้คุณได้เลือกได้ลองกัน สนนราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าไม่แพงเลย แถมบรรยากาศของร้านก็โทนอบอุ่นดูน่าสบาย สามารถนั่งคุยเล่นกับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้นานเป็นชม.ๆ จึงเป็นอีกร้านที่เรามั่นใจจนต้องนำมาแนะนำให้ไปตามรอยกันค่ะ