สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้จะพาไปชมความน่ารักของเจ้าเป็ดเหลือง B. Duck ที่มาไกลจากฮ่องกงกันที่ B. Duck Café ค่า
นอกจากจะได้พบกับเครื่องดื่มชื่นใจ ไอศกรีมหลากรส และเค้กสุดอร่อยของทางร้านแล้ว งานนี้เรายังจะได้ชมเบื้องหลังของสองเมนูเด็ดที่ Celebrity Chef อย่าง เชฟ Denice Wai รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อมาให้ทุกคนได้ชิมกันสำหรับงาน In Style Hong Kong ที่เมืองไทยในช่วง 1 กย – 31 ตค นี้กันโดยเฉพาะเลยค่ะ
ร้าน B. Duck Café นั้นตั้งอยู่ใจกลางลานกว้างข้าง Center Point of Siam Square ค่ะ
ร้านนี้หาได้ไม่ยากเพราะมีน้องเป็ดตัวใหญ่ยิ้มสดใสคอยต้อนรับคุณอยู่
แม้เจ้าเป็ด B. Duck จะโด่งดังในฮ่องกงมานาน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จะมาเปิดร้านขนมหวานในไทยให้เราได้ชิมกัน
สำหรับในวันนี้เรามีแขกรับเชิญพิเศษอย่างเชฟ เดนิส เว่ย ที่ลงทุนบินมาจากฮ่องกงเพื่อมาพูดคุยกับเราถึงสองเมนูพิเศษ และมาสาธิตวิธีทำให้เราได้ชมกันค่ะ
เชฟเดนิส เว่ย นั้นเป็นเชฟสาวคนเก่งที่มีรายการอาหารเป็นของตัวเองหลายรายการไม่ว่าจะเป็น “Denice’s Kitchen”, “Your Story, My Treat” ไปจนถึง “When Home Chef Meets Master Chef” แถมยังเป็นพิธีกรและเชฟรับเชิญให้กับอีกหลายรายการ
แต่กว่าจะประสบความสำเร็จมาถึงจุดนี้ เชฟเดนิสเองก็ต้องฝ่าฟันอะไรมาไม่น้อย เพราะด้วยความที่คุณพ่อของเธอนั้นก็เป็นเชฟอาหารจีนต้นตำรับที่มีชื่อเสียง เธอเองจึงต้องออกเดินทางท่องโลกและใช้เวลาค้นหาตัวเองอยู่ไหมน้อยเลยเพื่อที่จะมีสไตล์การทำอาหารเป็นของตนเองที่ไม่ซ้ำรอยพ่อและสร้างความมีเอกลักษณ์ให้เป็นที่ประจักษ์
ครอบครัวของเธอนั้นมีปัญหาสุขภาพหลายอย่างทั้งความดัน เบาหวาน และอาการแพ้อาหาร เชฟเดนิสเองจึงพิถีพิถันเป็นพิเศษในการคิดเมนูที่ใส่ใจในสุขภาพไปด้วยในตัว อย่างสองเมนูที่เธอจะทำให้เราได้ชมได้ชิมในวันนี้ก็ผ่านการคิดมาแล้วอย่างดีให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพค่ะ
สองเมนูที่ว่านั้นก็คือ Coconut Read Bean Pudding (75B) และ Sago & Mix Fruit DIY (150B)
เชฟเล่าว่า พุดดิ้งมะพร้าวถั่วแดงนั้นเป็นหนึ่งในเมนูของหวานที่ถือว่าเป็นสูตรฉบับต้นตำรับของฮ่องกง โดยปกติแล้วเมื่อไปทานอาหารมื้อพิเศษกับครอบครัวชางฮ่องกงก็มักจะสั่งเมนูนี้ทานกัน ซึ่งเมนูนี้ไม่ได้ทำได้ง่าย จึงไม่ใช่ร้านไหนๆ ก็จะมี ทำให้ได้ทานกันเฉพาะเวลามื้อที่ออกไปเฉลิมฉลองในร้านอาหารดีๆ เท่านั้น
เชฟเลือกเมนูนี้มาเป็นเมนูพิเศษทั้งทีก็ต้องมีทีเด็ดมีลูกเล่นกันบ้าง
โดยเชฟบอกว่าเคล็ดลับความพิเศษที่เธอดีไซน์เมนูนี้ออกมาเพื่อคนไทยอยู่ที่การใช้น้ำกะทิค่ะ เพราะปกติตามสูตรจะเป็นนม แต่เชฟเดนิสบอกว่าน้ำกะทิของเมืองไทยนั้นสดคุณภาพดีหอมหวาน เหมาะกับการนำมาทำขนมชนิดนี้เป็นอย่างยิ่ง เราก็เลยได้ออกมาเป็นสูตรพุดดิ้งมะพร้าวถั่วแดงอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ
ว่าแล้วเชฟเดนิสก็สาธิตวิธีการทำพร้อมทั้งกล่าวย้ำว่าเธอใช้น้ำตาลแต่น้อย
ส่วนถั่วแดงนั้นเธอต้มล่วงหน้ามาเป็นเวลานานเพื่อให้ได้เนื้อเนียนนุ่มตามที่ต้องการ
เมื่อนำส่วนผสมมาต้มรวมกันแล้วก็ตักใส่พิมพ์แล้วผสมถั่วแดงลงไปค่ะ
พอนำไปแช่ให้เย็นขึ้นรูปก็จะเคาะออกมาได้เป็นพุดดิ้งน่าตาน่าทาน
จานนี้รสชาติละมุน ไม่หวานมาก ตามที่เชฟต้องการ
เนื้อพุดดิ้งเองมีความแข็งอยู่ตัวกำลังพอเหมาะ ทานแล้วได้รสกะทิและถั่วแดงเต็มปากเต็มคำ
จานนี้เชฟบอกว่าเป็นอาหารสุขภาพ เพราะถั่วแดงให้โปรตีนและไฟเบอร์สูง แถมมีเหล็ก โฟเลต และแมกนีเซียมครบครัน
ถัดมาเชฟสาธิตเมนู สาคูผลไม้รวม ค่ะ จานนี้ทางร้านเอาใจคนทานโดยให้ตักเองตามชอบใจในสไตล์ Do-it-yourself
ส่วนผสมก็จะมีสาคูที่ต้มมาจนนิ่มพอดีๆ นม และ วิปปิ้งครีมที่ใช้เพียง 1/4 ถ้วยตวง
โดยเชฟผสมส่วนนมสดวิปปิ้งครีมและมะม่วงสุกเข้าด้วยกันก่อนนำไปปั่น จากนั้นก็ตักสาคูที่ราดน้ำเชื่อมแล้วและผลไม้ใส่ในถ้วยทรงสูงจัดวางออกมาดูสวยงาม
มะม่วงนั้นคนไทยเราชอบอยู่แล้วทานกันได้ง่าย เชฟชมว่ามะม่วงที่ไทยอร่อยกว่าที่ฮ่องกงมากจึงอยากนำมาทำขนมให้ทาน
ส่วนตัวคิดว่าจุดเด่นของจานนี้อยู่ที่ส้มโอและกีวี่ ที่ให้รสเปรี้ยวๆ สดชื่นตัดกับตัวสาคูและครีมมะม่วงที่ออกหวานเล็กๆ และปกติไม่ค่อยได้เห็นการนำส้มโอมาให้ในขนมแบบนี้เสียเท่าไร
เรียกได้ว่าเชฟทำให้ขนมที่เหมือนจะธรรมดาออกมามีจุดเด่นได้จนอยากจะต้องลอง
จบไปแล้วสำหรับการสาธิตสองเมนูของเชฟเดนิส เมนูสาคูนี่เชฟคุยกว่าเป็นเมนูรักสุขภาพอีกเช่นกันเพราะผลไม้ที่เลือกมามีวิตามินซีสูง มีไฟเบอร์สูง และแน่นอนว่ามีแอนตี้ออกซิแดนท์อยู่เต็มเปี่ยม
หลังจากได้มาเห็นความตั้งใจของเชฟที่จะสร้างสรรค์เมนูขนมหวานสุขภาพ และได้มาลิ้มลองรสชาติด้วยตนเอง ก็มั่นใจที่จะแนะนำเพื่อนๆ ให้ตามมาลองทานกันค่ะ โดยสองเมนูนี้จะจำหน่ายในช่วง 1 กย – 31 ตค
นอกจากมาลองสองเมนูเด็ดในโครงการ In Style Hong Kong เราก็ยังได้ลองชิมอีกหลายเมนูเครื่องดื่มและของหวานของร้านนี้
ใครชอบชาเขียวจัดไปเลย Matcha latte frappe
หรืออยากเอาเบาๆ ก็มี Italian Soda หลากรส
นอกจากนี้ที่ร้านก็มีไอศกรีมเพียบบบให้เลือกสรร
หรือไม่อย่างนั้นก็ทานเป็นเค้กน้องเป็ดเหลืองน่ารักกันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบค่ะ
ซึ่งเค้กก็มีหลายชนิดมาก เอาใจทั้งคนชอบแนวครีมๆ และแนวช็อกโกแลต
โดยรวมแล้วแม้ร้านจะเล็กๆ ดูจุ๋มจิ๋ม แต่ก็จัดได้น่ารักน่านั่ง และมีขนมหวานให้เลือกทานจุใจ
ใครมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาชิลและมาชิมขนมที่ B. Duck Cafe กันนะคะ