ช่วงนี้เหล่า Foodies ต่างก็พากันไปเดินเล่นที่ EmQuartier เพื่อไปสำรวจหาร้านขนมร้านอาหารที่เปิดใหม่มาให้เราเลือกชิมกันละลานตา
หนึ่งในร้านที่เราคุ้นเคยกันดีแต่พลิกโฉมเพิ่มดีรีความพิเศษสำหรับสาขานี้โดยเฉพาะก็เห็นจะเป็นร้าน Au Bon Pain ค่ะ
ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น B ของ อาคาร The Glass Quartier ค่ะ อยู่สุดมุมเลย บรรยากาศจึงสงบผ่อนคลาย ไม่มีเสียงรบกวน
ร้านตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น มีรูปประเทศฝรั่งเศสมุมต่างๆ เพิ่มความสุนทรีย์
บรรยากาศน่านั่งขนาดนี้แอบเห็นหลายๆ ท่านมาปักหลักทำงานบนคอมพิวเตอร์กันอย่างขมักเขม้นพร้อมกับละเลียดกาแฟและชิมขนมกันไปด้วยเลยในคราเดียว
นอกจากทางร้านจะสรรสร้างเมนูอร่อยแปลกใหม่หลายต่อหลายเมนูเพื่อมาเอาใจลูกค้าสาขา EmQuartier โดยเฉพาะแล้ว ก็ยังมีการนำกาแฟแบบดริปเข้ามาบริการเพื่อให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำกับกาแฟชั้นดีที่ผ่านการชงด้วยความพิถีพิถันด้วย
ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาร้าน au bon pain ทุกร้านได้เปลี่ยนมาใช้เมล็ดกาแฟ Africana Blend ที่เป็นกาแฟอาราบิก้า 100% ที่มีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟชั้นดีอย่าง Kenya AA มาผสมกับกาแฟพันธุ์อาราบิก้าจากทางภาคเหนือของไทยจนออกมาเป็น Africana blend ที่ให้รสชาติเข้มข้น
ส่วนราคาของกาแฟนั้นจะเป็นราคาตามปกติของร้าน au bon pain ค่ะ
สำหรับสาขา EmQuartier เมล็ดกาแฟที่คัดสรรมาอย่างดีจะถูกชงอย่างประณีตด้วยการดริป ซึ่งทางร้าน au bon pain ให้บริการกาแฟแบบดริปที่สาขานี้เป็นสาขาแรกค่ะ
สำหรับวันนี้ บาริสต้าคนสวยของทางร้านก็จะเป็นคนมาสาธิตการชงกาแฟแบบดริปให้เราได้ชมกัน
กาแฟที่จะนำมาใช้ชงกาแฟดริปของที่นี่นั้นบดด้วยเครื่องบดมือ การบดมือนั้นจะพักมือได้ จะไม่เกิดความร้อนเหมือนการบดด้วยเครื่องทำให้รสของกาแฟไม่เสีย
คุณบาริสต้าเล่าให้เราฟังว่าการชงกาแฟแบบดริปนั้นเป็นที่นิยมแพร่หลายในญี่ปุ่นและประเทศทางฝั่งยุโรป การดริปมือนั้นจะทำให้ควบคุมการชงได้อย่างแม่นยำและดึงรสกาแฟออกมาได้ดีขึ้นเพราะน้ำจะไหลผ่านกาแฟผ่านแผ่นกรองออกมาอย่างช้าๆ ได้รสต่างจากการกดอย่างรวดเร็วอย่างการชงด้วย French Press โดยในการดริปจะมีการใช้เครื่องชั่งและนาฬิกาจับเวลาเพื่อความแม่นยำ อย่างขั้นตอนการดริปนั้นจะใช้เวลาราวๆ สามนาที
เคล็ดลับอย่างหนึ่งของการชงกาแฟแบบดริปนั้นคือการควบคุมสายน้ำ น้ำร้อนที่ออกจากกานั้นบาริสต้าจะพยายามเทให้เป็นสายเล็กที่สุดและเทให้เร็วสม่ำเสมอ อีกทั้งจะเทวนเป็นวงกลมด้านในพร้อมทั้งรักษาระดับน้ำให้คงที่ไม่ให้แตะขอบกระดาษกรองเพราะจะทำให้กาแฟมีรสจืดลง การเลือกกาต้มน้ำร้อนจึงมีความสำคัญเช่นกันเพราะต้องเป็นกาที่มีพวยกาแคบๆให้ได้สายน้ำเล็กๆอย่างที่ต้องการนั่นเอง
เมื่อได้กาแฟดริปแล้วก็จะ swirl เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะเทใส่ถ้วยกาแฟ
ชงเสร็จก็ถึงเวลาชิม กาแฟดริปของที่นี่กลิ่นหอมและรสเข้มถึงใจ มีรสออกไปทางคาราเมลและดาร์กช็อกโกแลตหน่อยๆ
ทางบาริสต้าแจ้งว่าสามารถจะสั่งให้เข้มขึ้นหรืออ่อนลงได้ตามความพอใจของผู้ดื่ม บาริสต้าก็จะใช้เทคนิคต่างๆ เช่นการเพิ่มความร้อนของน้ำเพื่อให้ได้กาแฟที่เข้มขึ้นตามที่ต้องการเป็นต้น
นอกจากนี้คุณบาริสต้ายังได้แนะนำวิธีการดื่ม โดยสเต็ปแรกคือการดื่มเพียงเล็กน้อยเพื่อรับรสรับกลิ่น หรือขั้น “smell”
จากนั้นจึง “slurp” ซึ่งการซดแรงๆ นั้นจะทำให้ได้รสกาแฟเต็มที่และยังเป็นการลดความร้อนของกาแฟไปในตัวอีกด้วยล่ะค่ะ
ระหว่างการชิมคุณบาริสต้าแนะนำให้หลับตาเพื่อให้ดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟอย่างเต็มที่และปล่อยให้จินตนาการของคุณได้โลดแล่นไปกับคาแรกเตอร์ของกาแฟ
เมล็ดกาแฟ Africana Blend นั้นถ้าใครอยากซื้อไปชงเองที่บ้านที่นี่ก็มีขายในราคา 350B (250g bag) นะคะ และหากต้องการก็จะบริการบดให้ด้วย
สำหรับใครที่ชอบกาแฟเย็น ทางร้านก็มี Frozen Espresso Africana (125B) ให้เลือกสรร
ถ้วยนี้เราโปรดปรานกันมาก โดยเฉพาะวิปครีมพูนๆ อิอิ
ส่วนใครที่ไม่ทานกาแฟก็ไม่ต้องน้อยใจ เมนูเครื่องดื่มอื่นๆ ก็มีอีกมากมายเช่น Frozen Vanilla Cream, Frozen Strawberry Cream, Frozen Chayen, Frozen Cocoa Blast (115B)
รวมไปถึง Smoothies อย่าง Strawberry Smoothie และ Lychee Smoothie (115B) ด้วย
จบจากหมวดเครื่องดื่มเราก็มาสำรวจเมนูอาหารอื่นๆกันบ้าง
ปกติแล้ว au bon pain เองก็ขึ้นชื่อในด้านขนมปัง อย่าง Bagel นั้นทางร้านก็เชื่อว่ารสชาติไม่เป็นสองรองใคร แถมขนมปังขนมอบทุกอย่างของที่นี่ก็จะใช้แป้งอย่างดีที่ไม่มีไขมันทรานส์อีกด้วย
วันนี้มาลองสาขา EmQuartier ทั้งทีก็ต้องเน้นชิมเมนูพิเศษๆ เป็นหลัก
อย่างเมนู Tartine อันเป็นพายอบกรอบสไตล์ฝรั่งเศสจะมีขายเพียงสองสาขาเท่านั้น คือสาขานี้ และ สาขา The Paseo เราจึงไม่รอช้ารีบสั่งมาชิม
Tartine ของที่นี่จะมาเป็นเซตคู่กับเครื่องดื่มขนาด 16 Oz ที่เลือกได้ระหว่าง Iced Lemon Tea, Pepsi หรือ 7-UP ค่ะ
สำหรับเมนูของคาวอย่าง Croque Monsieur ราคาของเซตจะอยู่ที่ 219B
ส่วนตัวชอบ Croque Monsieur Tartine พอสมควรเลยค่ะ ตัวแป้งพายกรอบ ด้านหน้าชีสเยอะดี ซอสไวน์ขาวก็เข้ากันดีกับหัวหอม ถ้าเสิร์ฟมาร้อนๆ ชีสเยิ้มๆ กว่านี้นิด เบคอนกรอบกว่านี้หน่อยก็จะยิ่งอร่อยขึ้นอีกค่ะ
เมนู Tartine อื่นๆ อย่าง Smoky Salmon (180B) แซลมอนรมควันเสิร์ฟพร้อมกับมะนาว ครีมชีส ซอสบัลซามิกและหัวหอม
และ Croque Madame (195B) ที่มีแฮม ต้นหอม และชีส โปะด้วยไข่ดาว ก็เป็นอีกสองเมนูที่คิดว่าครั้งหน้าจะไม่พลาดค่ะ
ส่วนใครที่ชอบขนมหวานชอบช็อกโกแลตเมนูนี้คุณจะต้องรักเลย กับ Chocolate Marshmallow (169B)
ที่แป้งพายถูกราดมาด้วยช็อกโกแลตแบบจัดเต็ม โปะด้วยมาร์ชเมลโลว์ และกล้วยหอม
จากนั้นเราก็ลองชิมเมนูอาหารจานพิเศษที่ออกใหม่ในแต่ละเดือนค่ะ
ของเดือนนี้จะเป็น Chocolate Marshmallow (169B) หรือแซนด์วิชไข่อบ
และ Philly Steak Sandwich (160B)
เมนูนี้ตัวขนมปังใช้เป็น Brioche ค่ะ
เราชิมแล้วก็ถูกใจกับขนมปัง Brioche นิ่มๆ ที่ใช้ และ ตัวเนื้อที่ปรุงรสด้วยพริกไทยจนมีรสมีชาติแต่ไม่ได้เค็มมากอย่างที่นึกกลัว
สำหรับอาหารคาวนั้นจริงๆ แล้วที่นี่มีซุปด้วยค่ะ ใครอยากทานถึงไม่เห็นในเมนูก็สั่งได้นะคะ มีซุปผัก (120B) ซุปครีมหอยลาย (105B) เป็นต้น
ส่วนสาวๆ ที่รักษาหุ่นอยากทานอาหารแบบคลีนๆ ที่นี่ก็มีเมนู Petit Plates ที่แต่ละรายการจะจำกัดไม่เกิน 300 Kcalและเต็มไปด้วยอาหารสุขภาพเช่นผักสด ควินัว (ที่ว่ากันว่าเป็นกึ่งธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารต่อหน่วยสูงมาก) และเนื้อไก่ส่วนอกที่ไม่มีมัน เป็นต้น
อย่าง Balsamic chicken and mozzarella cheese (109B) ก็ให้เพียง 242 Kcal หรือเมนูควินัว Quinoa & barley Waldorf (125B) ที่มีทั้งแครนเบอร์รี่ วอลนัท และ แฮมเพิ่มความอร่อยก็อยู่ที่ 280 Kcal เท่านั้น
หลายๆ คนอาจจะไม่เคยลองสั่งเมนูแบบตามใจฉันหรือ Do it yourself (DIY) ที่ทางร้านมี แต่ถ้าใครสังเกตดีๆ จะเห็นว่าที่เคาน์เตอร์นั้นมีแบบฟอร์มสีเหลืองอยู่
จริงๆ แล้วคุณสามารถเลือกชนิดของขนมปัง เลือกชนิดของเนื้อ เลือกชนิดของครีมหรือซอส รวมไปถึงชนิดของชีสและผักได้ตามใจชอบ และด้วยความละเอียดลออเอาใจใส่ลูกค้ากลุ่มคุมน้ำหนัก คุณสามารถเข้าไปที่หน้าเวปแล้วคำนวณCalories ของเมนู DIY แบบที่คุณสั่งว่าทั้งหมดรวมแล้วเป็นกี่แคลอรี่ก็ยังได้
ปิดท้ายวันนี้ด้วยขนมปังหวานๆ อย่าง Strawberry Cream Cheese Brioche (79B)
รายการนี้มีลูกเล่นหลายอย่างทั้งเกล็ดน้ำตาลกรอบๆ ด้านบน ตัวชิ้นสตรอเบอร์รี่อมเปรี้ยวอมหวานด้านใน กับเนื้อขนมปังนุ่มๆ ซึ่งส่วนตัวคิดว่ายังแน่นไปหน่อยสำหรับความเป็น Brioche
โดยรวมแล้วคิดว่า au bon pain โฉมใหม่ที่มีออฟชั่นเสริมมากมายทั้งกาแฟดริปทั้ง Tartine รสต่างๆ อย่างสาขานี้จะทำให้ au bon pain @ EmQuartier เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คนรักกาแฟและชื่นชอบเบเกอรี่น่าจะมาลองกันดูค่ะ