ช่วงเดือนเมษายน ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นช่วงที่ซากุระบาน เป็นสัญญาณว่าฤดูใบไม้ผลิได้มาถึงแล้ว หากใครอยากสัมผัสกลิ่นอายฤดูใบไม้ผลิ ไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ เพียงแค่มาที่ร้าน Umenohana ก็เหมือนพาตัวเองไปอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว
ร้าน Umenohana ร้านแรก เปิดที่เมืองคุรุเมะ เมื่อปี 1976 เสิร์ฟอาหารแบบไคเซกิ คือ เสิร์ฟอาหารเป็นคอร์ส โดยเสิร์ฟมาทีละจานอย่างพิถีพิถันจนจบคอร์ส การทานอาหารแบบไคเซกิจึงใช้เวลาค่อนข้างนาน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เราได้ลิ้มรสอาหารแต่ละรายการอย่างเต็มที่
ร้าน Umenohana สาขาประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของ Nihonmura Mall ในซอยทองหล่อ 13
การตกแต่งร้านนั้นถอดแบบมาจากต้นฉบับของร้านที่ญี่ปุ่น ทางร้านเองมีชาวญี่ปุ่นดูแลเรื่องการตกแต่งร้านโดยเฉพาะ
ห้องรับรองของที่นี่จัดแบ่งพื้นที่ได้ดี มีหลายขนาด นั่งสบาย และให้ความเป็นส่วนตัว
วันนี้มานั่งทานอาหารในห้อง Kiyomizu ค่ะ พื้นที่กว้างขวาง นั่งสบาย ตกแต่งเรียบง่ายแต่สวยงามตามแบบฉบับญี่ปุ่น
คอร์สไคเซกิที่ทานวันนี้เป็นคอร์สพิเศษต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ คือ Spring Kaiseki Course “Haru Urara” (2,950B++) ซึ่งคอร์สนี้มีทั้งหมด 11 เมนู เสิร์ฟตั้งแต่วันนี้-30 มิ.ย. 59 เท่านั้นนะคะ
เริ่มด้วย Yomogi Mineoka เต้าหู้โยโมกิ มิเนโอกะ เต้าหู้โฮมเมดขึ้นชื่อของร้าน ผสมนม ครีมสด ใส่สมุนไพรโยโมกิลงไปด้วย เต้าหู้ของ Umenohana อร่อยจริงๆ ค่ะ ใครชอบทานเต้าหู้ห้ามพลาดเด็ดขาด เนื้อนุ่ม หนึบนิดๆ texture ดีมาก ด้านบนโรยด้วยอิคุระ วาซาบิและดอกซากุระ
เมนูถัดมา คือ Scallop and Seasonal Vegetable with Ponzu Gelee หอยเชลล์ตัวโตเสิร์ฟพร้อมผักประจำฤดูกาลอย่างนาโนะฮานะ ด้านบนเป็นเจลลี่พอนซึ ผสม garlic butter หอมมัน รสชาติเข้ากันดีเลยค่ะ
ให้ดูชัดๆ ค่ะว่าหอยเชลล์ตัวใหญ่จริง
ถัดมาเป็น Sashimi โอโทโร่และมะได ทานตัดกันเพื่อไม่ให้เลี่ยน มั่นใจได้ว่าคุณภาพของปลาสดแน่นอนเพราะส่งตรงจากตลาดปลาประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ
โอโทโร่ลายสวยมาก
ต่อด้วย Sakura Fuku Fuku Tofu with Sakura Ebi Sauce เต้าหู้ฟุคุฟุซากุระ ทำมาจากน้ำเต้าหู้สูตรทางร้านผสมยีสต์เบเนโคจิสีแดง ออกมาเป็นเต้าหู้สีชมพูสวยหวาน เมื่อต้มไปประมาณ 15 นาที ก็จะแข็งตัวเป็นเต้าหู้นิ่มๆ
ตักเต้าหู้ร้อนๆ ทานคู่กับซอสผักตามฤดูกาลและกุ้งซากุระเอบิ รสชาติอ่อนๆ แต่อร่อยค่ะ
ต่อด้วย Ikura Mushi Sushi ข้าวซูชินึ่งมาอุ่น โรยหน้าด้วยอิคุระ ไข่หวาน และส้มยุซุเพิ่มรสเปรี้ยวเล็กน้อย
มาถึงไฮไลท์ของคอร์สนี้กันแล้วค่ะ Taraba Kani Seiro Mushi or Taraba Kani Sumibiyaki ปูทาราบะนำเข้าจาก
ฮอกไกโด เลือกได้ว่านึ่งหรือย่างถ่าน วันนี้เราเลือกแบบนึ่งค่ะ เนื้อปูจะได้ยังนุ่มอยู่ ถ้าย่างกลัวเนื้อจะแห้งไปหน่อยค่ะ
เนื้อปูแน่น หวาน อร่อยมากค่ะ ทานกับซอสเปรี้ยวสูตรเฉพาะของร้าน สามารถเติมยุซุโคโช (Yuzu Kocho) ที่ทำจากเปลือกของส้มยูซุ รสอมเปรี้ยว ออกเผ็ดนิดๆ ขมหน่อยๆ เสริมให้รสหวานของเนื้อปูเด่นขึ้น
ต่อกันด้วย Kuroge Wagyu Yogan Yaki เนื้อวัวคุโระเกะที่ร้านนำเข้าจากเมืองคาโกชิมะ เกาะคิวชู เนื้อแทรกมันสวยงาม ถ้าใครไม่ทานเนื้อแจ้งพนักงานได้เลยค่ะ ทางร้านเปลี่ยนเป็นอาหารทะเลให้ค่ะ
เวลาย่างใส่ garlic butter ลงไปบนหินลาวาก่อนแล้วจึงนำเนื้อลงไปย่างค่ะ ทางร้านจะนำกระดาษมากั้นรอบๆ ให้ด้วย เพื่อไม่ให้เนยกระเด็นค่ะ ย่างความสุกประมาณ medium rare กำลังดี เนื้อนุ่มมาก และหอม garlic butter สุดๆ
จานถัดมาคือ Yuba Age เนื้อปลาคอดพันฟองเต้าหู้ทอด ทอดมากรอบนอกนุ่มใน ตอนทานรู้สึกถึงความบางกรอบของฟองเต้าหู้ทอดและความหนานุ่มของเนื้อปลาด้านใน อร่อยมากเลยค่ะ
ใกล้จะจบคอร์สแล้วมี Nigiri Sushi & Tekka Maki ชุดนี้มีทูน่า ฮามาจิ และกุ้งหวานค่ะ
ทานคู่กับ Yuba Miso Soup ซุปมิโสะแดง aka dashi ใส่ฟองเต้าหู้ รสชาติเข้มข้นกว่าซุปมิโสะทั่วไป
มาถึงของหวานปิดท้ายคอร์สไคเซกินี้ คือ Tofu Pudding Strawberry Sauce เต้าหู้พุดดิ้งราดด้วยซอสสตรอเบอร์รี่ รสชาติหวานกำลังดี เสิร์ฟคู่กับโฮจิฉะร้อนๆ เป็นอันจบคอร์สแบบประทับใจ
เนื่องจากการทานคอร์สไคเซกิใช้เวลาค่อนข้างนาน หากใครมีเวลาไม่มาก ร้าน Umenohana ก็มีชุดอาหารกลางวัน Maizakura Lunch Course ซึ่งมีถึง 10 เมนู ในราคาเพียง 650B++ เป็นชุดอาหารกลางวันที่อิ่มอร่อยและคุ้มค่าจริงๆ ค่ะ มีจนถึงเดือนมิถุนายนนี้เช่นเดียวกัน
ถ้าอยากสั่ง A la Carte ทางร้านก็มีเมนูให้เลือกหลากหลาย วันนี้เราสั่งเมนูใหม่ คือ Kuroge Wagyu Cold Shabu (1,450B++)
เนื้อคุโรเกะวากิวชาบูเย็น ทำมาสุกนิดๆ ทานกับสลัด ทานคู่กับน้ำจิ้มชาบูหรือน้ำสลัดก็อร่อยคนละแบบ เนื้อนุ่มมาก เมนูนี้อร่อยมากค่ะ
อีกเมนู คือ Temaki Sushi Set (Regular 1,250B++, Premium 1,950B++) ข้าวห่อสาหร่ายไส้ไข่ปลาแซลมอน ไข่หอยเม่น โอโทโร่มะได และคัมปาจิ เสิร์ฟมาในถาดรูปซากุระเข้ากับฤดูใบไม้ผลิ ดูแล้วอาจจะสงสัยว่าเสิร์ฟส่วนผสมทุกอย่างมาแยกกันแล้วจะทานยังไง
ความสนุกอยู่ตรงที่เราต้องห่อเองทั้งหมดนี่แหละค่ะ เมนูนี้เชฟไม่ทำให้ อยากทานอะไรบ้างเลือกได้ตามใจชอบเลย เมนูนี้เหมาะสำหรับทานกับเพื่อนหลายๆ คน นอกจากจะสนุกแล้วยังอิ่มมากอีกด้วย
การทานอาหารที่ร้าน Umenohana เป็นประสบการณ์ที่แสนประทับใจค่ะ เชฟเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลมาทำอาหารอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน ทำให้อาหารที่ทำออกมาคุณภาพดี อร่อย เมื่อปีที่แล้วได้มีโอกาสมาทานคอร์ส Haru Urara พอปีนี้ได้กลับมาอีกครั้ง รสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม ส่วนการบริการก็ยังคงมาตรฐานได้ดีมากเช่นกันค่ะ
หากใครอยากลองมาทานอาหารแบบไคเซกิในบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ร้าน Umenohana โทรสำรองที่นั่งได้ที่ 084-438-3892 ร้านเปิดบริการทุกวัน 11.00-15.00 น. และ 18.00-23.00 น. ค่ะ