ถ้าจะเรียกขานกรุงเทพฯ นั้นว่าเป็นสวรรค์ของนักชิมก็คงไม่ผิดนัก ด้วยจำนวนร้านที่มีมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว หลายๆ โอกาสเชฟระดับโลกก็ยังเดินทางมาจากแดนไกลมาสร้างความสุขให้กับพวกเราเหล่านักชิมถึงที่
รีวิวของเราวันนี้ก็จะนำเสนออีกหนึ่งโอกาสพิเศษๆ ที่ห้องอาหาร Normandie โรงแรม Mandarin Oriental จัดขึ้น โดยหนึ่งในทีมของเรามีโอกาสพิเศษควรค่าแก่การฉลอง พวกเราจึงควักกระปุก จัดแจงแต่งตัวไปชิมฝีมือเชฟคู่ดูโอพ่อลูก คือ Regis & Jacques Marcon ซึ่งทั้งสองมีดีกรีเชฟระดับสามดาวมิชเชลลินเป็นประกัน สนนราคาของอาหารชุดพิเศษ ของค่ำคืนนี้อยู่ที่ 8,300++ บาท โดยหากใครเป็นเซียนไวน์ และไม่อยากจะพลาดการจับคู่ไวน์ (wine pairing) ระดับมืออาชีพ ก็สามารถเลือกรับไวน์ได้โดยราคาจะอยู่ที่ 11,800++ บาท พวกเราไม่ถนัดไวน์กันเท่าไรจึงเลือกสั่งเป็น non-alcoholic drink อย่าง Pomegranate Mocktail สีแดงสด รสออกหวานอมเปรี้ยวนิดๆแสนสดชื่นมาดื่มแทน
แถมระหว่างรอก่อนจะเริ่มมื้อก็มีแผ่นชีสกรอบๆ หน้าตาสวยงาม มาให้แทะรอกันเบาๆ
จานแรกของวันนี้เป็นเมนูกระตุ้นต่อมรับรสหรือที่เรียกว่า Amuses bouche สำหรับวันนี้ มาเป็น Amuses bouche en quatre cuilleres คือมีถึงสี่อย่างให้กระตุ้นความหิวเลยทีเดียว
เริ่มจาก Crepe de sarrazin เครปเนื้อนุ่มทำจาก buckwheat โรยด้วยไข่ปลาแซลมอนด้านบน
ถัดมาเป็น Sardine et aubergine ปลาซาร์ดีนชิ้นเล็กรสเข้มข้นทานคู่กับมะเขือ
ต่อด้วย Bonbon de betterave บอนบอนทำจากบีทรูทลูกกลมน่ารักสีสดสวย
และสุดท้ายในจานนี้ Tartare de boeuf หรือ beef tartare ที่เราคุ้นเคย มีแผ่นกรอบๆ ด้านบนเพิ่มรสสัมผัสให้ตัดกันกับเนื้อนิ่มๆ
ระหว่างรอจานต่อไป ขนมปังร้อนๆ ก็มาเสิร์ฟ เราเลือกชิม Mini baguette และ Brioche
ขอบอกว่า Brioche ของที่นี่ทำอร่อยมาเสียจนเราสั่งมาเติมกันไม่ขาด
กว่าจะจบมื้อก็ล่อกันเข้าไปถึงสามสี่ชิ้นกันเลย ที่ประทับใจอีกอย่างก็เห็นจะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างลายดอกเห็ดบนเนย ที่ทำมาได้น่ารักจนแทบไม่อยากกินให้เสียรูปทรง
มาถึงซุปกันบ้าง วันนี้เราได้ชิมซุปเห็ด Veloute de champignons (Mushroom soup)
ซุปรสชาตินุ่มนวลเสิร์ฟมาในถ้วยจอกเล็กๆ ดื่มง่าย บริการมาเทซุปร้อนๆ กันตอนเสิร์ฟที่โต๊ะเลย แถมมีเห็ดทรัฟเฟิลชิ้นใหญ่บนขนมปังกรอบที่ไว้ทานคู่กับซุปด้วย
ละเลียดซุปเสร็จก็เจอกับจานโปรดของเรา Foie gras, gelee de vin rouge et chutney griottes (Foie gras, red wine jelly and Morello chutney)
ตับห่านแบบเย็น เนื้อนวลมากๆ เพิ่มรสชาติด้วยเจลลี่ไวน์แดง เชฟคงตั้งใจให้ทานกับผักสลัดกรอบๆ แต่เราทานกับ Brioche แสนอร่อยของที่นี่ ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
จานถัดมาเป็น De belles asperges vertes du midi faries aux morilles noires, sabayon aux cepes (Green asparagus from the south of France with black morels and porcini sabayon)
แอสพารากัสนี้บินตรงมาจากทางใต้ของประเทศฝรั่งเศส ทานง่าย ไม่มีเส้นใยมากวนใจ แต่จุดเด่นของจานกลับเป็นเห็ดที่รสชาติหอมละมุนละไม สมแล้วที่เชฟดูโอพ่อลูกคู่นี้เขาขึ้นชื่อด้านการทำอาหารจานเห็ด
มาถึงจานปลากันบ้าง Le rouget au parfum de cistre, ragout de coco au saucisson de pays (Cittern scented red mullet, ragout of coco beans and country sausage)
ปลา red mullet หนังสีแดงสมชื่อ ทำมาได้สุกกำลังพอดี ทานกับไส้กรอก และผักหลากชนิด จานนี้ตกแต่งมาอย่างสวยงามด้วยซอสโฟมด้านบน ส่วนตัวถูกใจกับครีมซอส ซึ่งทานแล้วเข้ากับปลาดีเหลือเกิน
อีกจานเด่นของวันก็เห็นจะเป็น Feuilleton de veau eleve sous la mere aux champignons, jus a la sauge officinale (Milk-fed French veal with mushrooms and a sage jus)
เนื้อลูกวัวแสนนุ่มที่ปรุงมาอย่างพิถีพิถัน แน่นอนว่าเชฟยังคงธีมเห็ดไว้อย่างเหนียวแน่น
ใกล้จะจบมื้อ เราเพิ่มความสดชื่นด้วย passion fruit mocktail รสเปรี้ยว
ทางเชฟก็มีตระเตรียมซอร์เบท์ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานให้เราได้ล้างปากเช่นกัน
ก่อนที่จะไปชิมชีสหลากชนิดที่เชฟคัดสรรมาให้เราลิ้มลองในเมนู Plateau de Fromages frais et affines de France ‘Phillipe Olivier’ (Selection of young and matured French farmhouse cheese ‘Phillipe Olivier’)
ชีสที่เลือกมาวันนี้มีทั้งแบบ firm และแบบ soft ให้ชิม ทานคู่กับแอพปริคอทแห้ง และ มะเดื่อแห้ง ตามสไตล์ ก่อนจะเข้าจานของหวาน
เชฟยังจัดจานรองสุดท้าย มาให้ ขนมหวานถ้วยเล็กนี้มีกลิ่นสมุนไพรอบอวลสมชื่อ Avant dessert aux herbes (Pre-dessert with herbs)
ของหวานตัวจริงนั้น จัดแต่งมาอย่างสวยสดงดงาม
เมนู Chocolat et verveine (Chocolate and verbena) นั้น ประกอบไปด้วยช็อกโกแลตในรูปแบบต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแผ่นบางเฉียบ มูสนิ่มๆ หรือแผ่นแข็งกรอบที่ใช้ประกบคู่ให้หยิบทานได้ง่าย มาคู่กับไอศกรีมรสหวานอ่อนๆ เย็นชื่นใจ
Chocolat et verveine
แค่นี้เราก็นึกว่าจะหมดแล้ว แต่เชฟก็ยังมีขนมจานเล็กกุ๊กกิ๊กปิดท้าย
petit four
ทั้งทาร์ต Pear & hazelnut แสนอร่อย และ มาการองรสสัมผัสล้ำเลิศ แถมยังทำขนมที่มีส่วนผสมของเห็ดจนถึงจานสุดท้าย อย่าง Porcini chocolate ชิ้นเล็กน่ารัก แน่นอนว่าเราก็ปลื้มอกปลื้มใจไปตามๆ กัน
มื้อนี้ถึงจะราคาสูงอยู่สักหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการที่เราได้ลองลิ้มชิมรสฝีมือเชฟระดับสามดาวมิลเชลลินถึงสองท่าน ที่พิถีพิถันเอาใจใส่ รังสรรค์ผลงานออกมารสชาติละเมียดละไมอร่อยสมคำร่ำลือ
Details
ที่ตั้ง: 48 Oriental Ave Alley, Bang Rak, Bangkok 10500
โทรศัพท์: +66 (2) 659 9000
Website : Mandarin Oriental Bangkok
จองได้ที่นี่ คลิ้กเลย!
***
อย่าลืมติดตามงานเขียนอื่นๆ ของเราได้ที่ www.foodiesjournie.com
และแวะไปพูดคุยทักทายกันได้ที่หน้าเพจ www.facebook.com/foodiesjournie ค่ะ