Wine 101: จิบไวน์อย่างไรให้มีสไตล์? 3 วิธีง่ายๆ ที่ให้คุณดื่มไวน์ด้วยมาดกูรู

คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการได้รับประทานอาหารชั้นเลิศนั้นเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่ม Foodies การที่จะได้ลิ้มลองรสชาติที่แปลกใหม่และดื่มด่ำกับความกลมกลืนขององค์ประกอบต่างๆ ในอาหารจานนั้น เปรียบดังการเสพงานศิลปะ

เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านที่หลงใหลกับอาหารแนวตะวันตกคงจะคุ้นเคยกันดี ว่าสิ่งหนึ่งที่จะเพิ่มสุนทรียะในการรับประทานอาหารให้ล้ำขึ้นไปอีกขั้นคือการดื่มไวน์ที่เข้ากันได้ดีควบคู่ไปด้วย

white wine

 

 

สำหรับคอไวน์มือใหม่ คงเคยได้ยินถึงวิธีจำง่ายๆ เกี่ยวกับการจับคู่ไวน์กับอาหาร ที่ว่า ไวน์ขาว คู่กับปลา ไวน์แดง คู่กับเนื้อ

แต่หากใครอยากจะเพิ่มความเซียนโดยศึกษาให้ลึกซึ้งไปกว่านั้นแล้วละก็คุณจะพบว่า จริงๆ แล้วการจับคู่ไวน์ทำได้หลายรูปแบบ ไวน์แดงบางตัวก็เหมาะกับอาหารทะเลอย่างเมนูปลา และอีกเช่นกัน ไวน์ขาวที่ทานกับอาหารจานเนื้อ อย่างเนื้อวัวเนื้อแกะได้ดีก็มีอยู่ไม่น้อย

และที่เหมาะกับการลองจับคู่กับไวน์มากๆ นอกจากอาหารจานหลักก็จะเป็นชีสชนิดต่างๆ ซึ่งศาสตร์ในการเข้าคู่ชีสกับไวน์ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว (อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับชีสได้ที่ Cheese 101 )

ก่อนที่จะไปกันไกล สำหรับวันนี้ เราจะมาคุยเรื่องง่ายๆ สำหรับการเริ่มทำความเข้าใจกับไวน์เบื้องต้นกันก่อน

และแน่นอนเรามีเคล็ดลับการวางมาดดื่มไวน์ให้คุณดูคล้ายกับเป็นมือโปรมาฝากกันค่ะ

 

red wine

 

สำหรับคอไวน์มือเก๋า การได้ดื่มไวน์ดีๆ ค่อยๆ ดู ค่อยๆ ดม ค่อยๆ ดื่ม นั้นเป็นสุนทรียศาสตร์อย่างหนึ่ง

ยิ่งใครที่เข้าใจเรื่องไวน์ลึกซึ้งและลงทุนไปกับไวน์ดีๆ ยิ่งต้องสรรหาอุปกรณ์แบบมืออาชีพที่ทำให้การชิมไวน์แต่ละขวดเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ

ว่าแต่มือใหม่ต้องทำอย่างไรบ้างนะ จึงจะจิบไวน์ได้อย่างมีสไตล์ไม่แพ้โปร

จะบอกว่าคุณเริ่มต้นได้ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมด้วย 3 ขั้นตอนนี้ค่ะ

 

ดู อย่างพินิจพิจารณา

 

สเต็ปแรกง่ายสุดๆ คือการดูค่ะ

อันนี้ให้จับที่ตัวก้านของแก้วไวน์ แล้วยกขึ้นมาส่องดูกับแสง

การถือแก้วไวน์ไม่กุมที่ก้นแก้วนะคะ เพราะความร้อนจากมือจะทำให้อุณหภูมิของไวน์เปลี่ยนค่ะ

ดังนั้นใครจับไวน์ไม่จับที่ก้าน ไม่ผ่านการสร้างมาดไฮโซนะคะ อิอิ

 

สำหรับไวน์นั้นเพียงแค่ดูก็บอกอะไรได้หลายอย่าง

เริ่มจากความใส ความขุ่น สีสัน ซึ่งตรงนี้ดูบ่อยๆ เข้าจะแยกได้ถึงขั้นว่าไวน์นั้นทำมาจากองุ่นพันธุ์ไหนเลยทีเดียว

อย่างไวน์แดง ถ้าอายุน้อยจะเป็นสีแดงสด หมักนานจะเริ่มออกแดงเข้มอมน้ำตาลค่ะ

 

ปกติแล้วถ้าไปดื่มไวน์ที่ร้านอาหาร บริกรจะเทน้อยๆ ให้เราได้ดูได้ชิมดูก่อนว่าเราชอบไหม ก่อนที่จะเทให้อย่างจริงจังค่ะ

ตอนยกขึ้นดูนั้นให้ค่อยๆ หมุนส่องไปตามแสงนะคะ จากนั้นจึง Swirl เล็กน้อย

จุดนี้จะทำให้คุณได้ดูอีกอย่างนั่นคือขาของไวน์ค่ะ

wine 30

ซึ่งลักษณะขาที่เห็นเป็นสายไหลลงมาตามขอบแก้วนี่ล่ะค่ะ จะเป็นตัวบอกถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่อยู่ในไวน์ได้เป็นอย่างดี

โดยไวน์แอลกอฮอล์สูงกว่าจะมีขาไวน์มากกว่าค่ะ

นอกจากจะได้ดูขาแล้ว การหมุนวนยังช่วยให้ไวน์สัมผัสกับอากาศ ทำให้ไวน์ได้ หายใจ ค่ะ

ฟังแล้วอาจจะเริ่มงงว่าจะมาหายจงหายใจอะไรกัน การหายใจของไวน์ในที่นี้เป็นการทำปฏิกิริยา oxidation ซึ่งจะขับให้รสของไวน์เข้มขึ้น

นอกจากนี้ยังทำให้ไวน์ระเหย ทำให้มาถึงสเต็ปต่อไปค่ะ

 

ดม อย่างดื่มด่ำ


พอหมุนไวน์จนไวน์สัมผัสกับอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ให้ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจรดจมูก แล้ว หลับตา ดมค่ะ

wine 33

 

อ่าว จะดมไวน์ก็ใช้จมูกสิ หลับตามาเกี่ยวอะไรด้วย คุณอาจจะแย้งอยู่ในใจ

อันนี้เป็นเรื่องของประสาทสัมผัสค่ะ เคยสังเกตไหมคะว่าเวลาอยู่ในที่มืด ประสาทสัมผัสด้านอื่นเราจะดีขึ้น เช่นหูจะฟังได้ชัดเจนมากขึ้น

ชิมไวน์ก็คล้ายๆ กันค่ะ การหลับตาเป็นการปิดประสาทรับรู้ไปหนึ่งอย่าง ทำให้ไม่มีสิ่งอื่นมารบกวน และสามารถโฟกัสกับกลิ่นบูเก้และอโรมาที่โชยออกมาได้เต็มที่

และที่สำคัญ คุณจะดูดีมีระดับกับความ อิน ของคุณมากเชียวค่ะ

ส่วนตอนดมจะดมสองสามทีนะคะ

ดมครั้งแรกจะเป็นการดมกลิ่นอโรมาของไวน์ ซึ่งตรงนี้ใครที่เซียนหน่อยอาจจะถึงขั้นบอกได้ว่าไวน์แก้วนี้มาจากองุ่นพันธุ์ไหน

จากนั้นจึงแกว่งแก้วไวน์แรงๆ แล้วดมครั้งที่สอง อันจะเป็นการดมบูเก้ หรือกลิ่นอ่อนๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่ในไวน์ค่ะ

ซึ่งกลิ่นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในไวน์อาจจะเป็นกลิ่นคล้ายๆกับกลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นเครื่องเทศ กลิ่นยาสูบ กลิ่นไม้โอ๊ค ซึ่งพอลองดมบ่อยๆ หน่อยจะเริ่มแยกกลิ่นเหล่านี้ออกมาได้ค่ะ

 

ดื่ม อย่างละเมียดละไม

อ่านมาตั้งนาน ตอนทำนี่ใช้เวลาแป๊บเดียวนะคะ คือบริกรรินปุ๊บ เราจับแก้วขึ้นมา หมุนๆ แก้วส่องไฟดู จากนั้น swirl แล้วหลับตาดม swirl แรงขึ้น ดมอีกรอบ ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสองนาที จากนั้นก็ได้เวลาดื่มล่ะค่ะ

จังหวะแรกนะคะ ให้คุณจิบ  

ย้ำว่า จิบ  ค่ะ

คือแตะนิดเดียวเท่านั้นนะคะ ไม่ใช้ดื่มเอื๊อกเข้าไป

ตรงนี้บางคนจะแนะนำให้สูดอากาศเข้าทางปากด้วยเล็กน้อย อันนี้ก็ตามแต่ศรัทธาค่ะ

เข้าใจว่าเป็นกุศโลบายในการช่วยเพิ่มการสัมผัสอากาศขึ้นอีก แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่น่าจะผิดอะไร

 

การดื่มนั้น จิบแรกให้ อม ไว้แป๊บนึงเพื่อแยกแยะรสค่ะ ลองดูว่ามีรสหวาน รสเปรี้ยว หรือรสฝาด มากน้อยเพียงใด จากนั้นจึงค่อยกลืนค่ะ

ตรงนี้ให้ตั้งใจดีๆ อีกรอบค่ะ เพราะไวน์จะมีรสที่หลงเหลือค้างในปากที่เรียกว่า after taste ซึ่งไวน์ดีเมื่อกลืนไปแล้วเราจะยังคงรู้สึกได้ถึง after taste ตรงนี้อยู่อีกแป๊บนึงค่ะ

 

มาถึงตรงนี้ถ้าคุณชอบ คุณก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นอันว่าใช้ได้ๆ โอเค บริกรก็จะรินไวน์ให้คุณอีกครั้ง คราวนี้ล่ะค่ะ คุณจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติของไวน์เต็มๆ

และถ้าอยู่ระหว่างมื้ออาหาร ก็หวังว่าไวน์ที่เลือกมาจะเข้ากับอาหารที่คุณทานได้อย่างดี ก็จะเพิ่มสุนทรียะของประสบการณ์มื้อนั้นๆ อีกมากเลยเชียวค่ะ

สำหรับการจับคู่ไวน์กับอาหาร เรามีตัวอย่างมาฝากเล็กน้อยพอให้ได้เห็นค่ะ

เช่น ถ้าเป็นแชมเปญอย่าง Moet & Chandon ที่รสชาติออกสดใส ไม่หนักจนเกินไป และออกไปทางผลไม้หอมๆหวานๆ  ก็จะจับคู่ง่ายสุดๆ เรียกว่ากินคู่ได้กับ appetizer ไปจนถึงของหวานทีเดียว

โดยอาหารที่จะเข้าเป็นพิเศษจะเป็น อาหารรสชาติคลีนๆ เช่น scallop, oyster ปลาเนื้อขาว และ เนื้ออกไก่เป็นต้นค่ะ

wine 27

ไวน์ขาวอย่าง Freixenet Mia White ที่เป็นไวน์สเปน เน้นกลิ่นของ Muscat เสียเป็นส่วนใหญ่ จะเข้าได้ดีกับอาหารทะเลพวกปลา ไก่ และ ชีส โดยเฉพาะชีสนมแพะ (goat cheese)

ส่วนไวน์แดงจากฝรั่งเศสเช่น Chateau de la Haute Libarde ที่มี Merlot เป็นส่วนผสมหลักตัวนี้คู่กันดีกับเนื้อแดง อย่างเนื้อวัวเนื้อแกะ และชีสรสเข้มๆ

เป็นอย่างไรคะ การจะจิบไวน์อย่างมีสไตล์ไม่ได้ยากอะไรมากมายใช่ไหมคะ จับแก้วถูก รู้สเต็ปนิดหน่อยคุณก็จะทำได้ลื่นไหลดูโปรสุดๆ

สำหรับใครที่เริ่มจิบเริ่มอินอยากจะลองกินให้เป็นดูบ้างคุณสามารถเริ่มง่ายๆ จากการซื้อมาลองชิมเองที่บ้านค่ะ

เดี๋ยวนี้สั่งไวน์ง่ายดายๆ สุดๆ จะสั่งออนไลน์ก็ยังได้เลยค่ะ อย่าง Wine-now.com นี่ก็มีไวน์กว่าห้าพันรายการให้คุณเลือก มีให้เลือกหมดไม่ว่าจะเป็นเลือกตามประเภท เลือกตามราคา หรือเลือกตามแบรนด์ จัดส่งอย่างดีภายในไม่กี่วัน มีที่หุ้มกันกระเทกพร้อมสรรพเรียกว่ามาถึงในสภาพสมบูรณ์แน่นอน

และหากจะให้ดีก็น่าจะลงทุนซื้อแก้วไวน์ดีๆสักชุดที่ราคาสมเหตุสมผล อย่างชุด Desire Collection ของ Lucaris ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่แนะนำค่ะเพราะมี Aerlumer ดีไซน์ล้ำสมัยที่ทำให้เกิด micro oxidation ขับรสและกลิ่นไวน์ให้เด่น รวมถึงมีแก้วที่ออกแบบพิเศษให้เหมาะกับไวน์ประเภทต่างๆ โดยเฉพาะ ทั้ง แก้วไวน์แดง แก้วไวน์ขาว และแก้วสำหรับ sparkling wine

wine 16

แก้วพิเศษดีอย่างไร เห็นได้ชัดๆ จาก แก้วแชมเปญ ค่ะที่ดีไซน์ทรงสูง ให้ฟองผุดพรายขึ้นมาเป็นสายได้อย่างต่อเนื่อง

 

ว่าแล้วก็เชิญชวนให้มือใหม่ทั้งหลายลองซื้อแก้วและซื้อไวน์ติดบ้านไว้ ลองค่อยๆ ละเลียดดื่มไวน์อย่างพินิจพิจารณา

เชื่อว่าคุณจะกลายเป็นนักชิมไวน์มือโปรได้ภายในเวลาไม่นานแน่นอนค่ะ

 

Comments

comments