The Mango Garden เมนูมะม่วงน้ำดอกไม้อร่อยละมุน กรุ่นด้วยกลิ่นไอความใส่ใจ

สวัสดีค่ะ

หน้าร้อนนี้มีเมนูมะม่วงอร่อยๆ ออกมาให้เห็นเยอะแยะมากมายจนน้ำลายสอ

วันนี้เราเลยไม่พลาดที่จะพาไปชิมร้านสุดอร่อยที่เต็มไปด้วยเมนูมะม่วงน้ำดอกไม้สดใหม่ที่จะยกทัพมาให้คุณลิ้มลองจนจุใจโดยไม่ต้องไปไกลถึงสวนค่ะ

ร้าน The Mango Garden ตั้งอยู่ในโซน Sweet Avenue ที่ชั้น G ของศูนย์การค้า Siam Paragon

เป็นร้านเล็กๆ น่ารักพนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส

คอนเสปท์มาในโทนสีเหลืองดำ เพิ่มความทันสมัยบนความเป็นไทย

เข้าไปก็จะพบกับหลากหลายเมนูมะม่วงละลานตา

ร้าน The Mango Garden เริ่มขึ้นจากไอเดียของหนุ่มนักเรียนนอกจบจากแวนคูเวอร์แคนาดาที่รักชอบการทำอาหารและการรับประทานเป็นชีวิตจิตใจ

ด้วยความเข้าใจในอาหารและเรื่องรสชาติเป็นอย่างดีนี่เองที่ทำให้เมนูต่างๆ ของที่นี่เต็มไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อยที่ผ่านการคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนและทำอย่างพิถีพิถัน วัตถุดิบต่างๆ ทางร้านคัดเลือกจากสิ่งที่ดีที่สุดธรรมชาติที่สุดที่หาได้

อย่างมะม่วงน้ำดอกไม้นั้นก็เป็นมะม่วงที่ตกลงกับทางสวนไว้ว่าทุกลูกจะต้องเป็นมะม่วงที่สุกคาต้น มีกลิ่นหอมและมีความฉ่ำหวานตามธรรมชาติ แตกต่างจากมะม่วงที่เก็บตอนอ่อนแล้วมาบ่มทีหลังอย่างที่เห็นวางขายกันทั่วไป

นอกจากนี้วัตถุดิบอื่นๆ ที่อาจจะดูเล็กน้อยก็ได้รับความใส่ใจในรายละเอียด

ทางร้านเล่าว่า ตัวช็อกโกแลตที่ใช้นั้นเป็นช็อกโกแลตอย่างดีนำเข้าจากเบลเยี่ยม หรือตัวกาแฟที่เลือกมาวางขายก็เป็นกาแฟ Arabica-based  ที่ผสมกันสามสายพันธุ์ มาจากไร่กาแฟออแกนิคที่เชียงใหม่ และ จากประเทศเคนยาและประเทศอินโดนีเซีย

ฟังแล้วก็เริ่มทึ่งกับเรื่องราวจนอยากจะลองชิมให้ได้รู้ซึ้ง

ช่วงนี้อากาศร้อน เราเลยมาเริ่มกันที่เมนูน้ำปั่นเย็นสดชื่นดับกระหายกันก่อน

เริ่มจาก Mango with Passion Fruit (130B)

น้ำปั่นที่ได้ความหอมหวานของมะม่วงน้ำดอกไม้ผสมรสอมเปรี้ยวของเสาวรส มาพร้อมกับมะม่วงหั่นเต๋าอีกพูนแก้วที่อร่อยจนควานหาขึ้นมากินเสียแทบจะหมดตั้งแต่น้ำยังดื่มไปไม่ถึงครึ่งแก้ว

ใครที่ไม่ชอบเปรี้ยวมาก อยากได้มะม่วงเน้นๆ จัดไปเลย Mango (110B) ที่อัดแน่นมาด้วนชิ้นมะม่วงเช่นเดียวกัน ต่างที่รอบนี้ ตัวน้ำได้รสชาติและกลิ่นมะม่วงเน้นๆ

อีกเมนูที่ต้องกล่าวถึงด้วยความที่ครีเอทและหาทานที่อื่นได้ยากก็เห็นจะเป็น Coconut with charcoal (130B) น้ำมะพร้าวน้ำหอมผสมผงถ่าน

เครื่องดื่มสีดำถ้วยนี้ ทางร้านคิดสูตรลองผิดลองถูกอยู่นานมากกว่าจะได้สัดส่วนของน้ำมะพร้าวและผงถ่านที่พอดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวชิ้นโตอีกหลายชิ้นอีกด้วย

จบจากเครื่องดื่มเราก็ไม่พิรี้พิไร จัดไปกับเมนูซิกเนอเจอร์กันทันที

Mango Sticky Rice (185B) เป็นข้าวเหนียวมะม่วงสูตรชาววัง ที่นอกจากจะได้มะม่วงน้ำดอกไม้คัดอย่างดีอย่างที่เล่าไปมาเสิร์ฟกันลูกใหญ่ๆ ก็ยังมีความพิเศษอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปลาแห้ง ซึ่งใช้ปลาช่อนนา ซึ่งจะไม่คาวเหมือนปลาช่อนเลี้ยงมาคั่วกับน้ำตาลยาวนานถึง 4 ชม. ให้รสหวานอ่อนๆ สลับเค็มทานเพลินจนอยากจะขอซื้อเฉพาะปลาแห้งกลับบ้าน

ตัวข้าวเหนียวเองก็เป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงูพันธุ์แท้ที่ทางร้านไปเสาะหามาจากต้นตำรับ คือ อ.แม่จันท์ จ.เชียงรายกันเลยทีเดียว

ข้าวเหนียวมูนของที่นี่ ทั้งนุ่มทั้งหอม โรยงาอีกหน่อยก็ยิ่งได้กลิ่นเฉพาพของงามาช่วยเสริม แถมสีอัญชันก็เข้มกว่าใครเพราะใช้สูตรโบราณในการคั้นน้ำมาจากดอกอัญชัน

ที่สำคัญ น้ำกะทิของที่นี่ก็คัดสรรมาอย่างละเอียดละออโดยกำชับให้ขูดโดยไม่นำมะพร้าวไปแช่น้ำก่อนเพื่อให้หัวกะทิความหอมมันเข้มข้น

บรรยายเสียขนาดนี้ สรุปง่ายๆ ว่าจานนี้ออกมาเพอร์เฟคจนไม่รู้จะหาอะไรมาบ่นจริงๆ

ถัดมาเป็นรายการที่ต้องทำให้สาวๆ ตาโตแน่นอนกับ Garden Rueben Toast (245B) โทสท์กรอบๆที่ทำจากขนมปังอบเองไร้สารกันบูด แป้งก็ใช้แป้งนำเข้า เพิ่มความสดชื่นด้วยไอศกรีมโฮมเมดถึงสามลูกสามรส ตั้งแต่รสมะพร้าวำหอม ไลท์ๆ หวานอ่อนๆ วนิลาที่เข้าง่ายกับทุกสิ่ง ไปจนถึงช็อกโกแลตที่เข้มข้นจนน่าตกใจ เรียกว่าใครที่เป็น chocolate lover ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ตักข้าวเหนียวคำ มะม่วงคำ ไอศกรีมคำ กินวนไปเรื่อยๆ นี่เป็นโมเมนต์ที่มีความสุขสุดๆ

ยังไม่หมดกับเมนูซิกเนเจอร์ ลองเจอนี่ดู Mango Hill (225B) ข้าวเหนียวมะม่วงพร้อมไอศกรีมสามสกู๊ป ที่โขมยใจคุณไปด้วยซอสมะม่วงเข้มข้นและวิปครีมนุ่มหอม ขนาดเราที่ปกติปาดวิปครีมตรงหน้าทิ้งยังทำไม่ลง

ปิดท้ายกันด้วยเมนู Mango Pudding (175B) ที่ทำมาแบบนึกถึงคนที่มีอาการ lactose intolerance แบบเป็นพุดดิ้งที่ไม่มีนม เป็นมะพร้าวล้วนๆ

แถมคนเป็น veggie ก็กินได้เพราะใช้ agar agar จากพืชในการทำ ไม่ใช่เจลาตินจากสัตว์

มะพร้าวน้ำหอมเค้ารสอ่อนๆ ละมุนๆ เนื้อมะพร้าวก็เป็นมะพร้าวอ่อน ทานง่าย เหมือนเดิม มะม่วงคำ มะพร้าวคำ พุดดิ้งคำ ต่อด้วยซดน้ำ สลับกันไป

ที่อร่อยสุดเซอร์ไพรส์เห็นจะเป็น crumble ด้านบนที่ทำจากธัญพืชอบกรอบ มะพร้าวขูด ข้าวโอ๊ต และงาคั่ว ที่ออกมาพอดิบพอดีจนต้องไปล้อบบี้ขอให้ที่ร้านทำออกมาขายเป็นซองแยก เผื่อจะได้มาเหมากลับบ้านไปทานเช้าๆ กับโยเกิร์ต

ถึงตอนนี้ความฝันจะยังไม่เป็นจริง แต่ทางร้านก็สัญญาว่าจะรับไว้พิจารณา และ ถ้าใครอยากกินแนว Muesli กับ โยเกิร์ต ก็มาสั่งเมนู Mango Muesli (175B) กินที่ร้านได้เลยโดยเมนูนี้จะเป็นโยเกิร์ตโฮมเมดรสชาติดีที่รสสัมผัสจะไม่หนาหนักเท่าแนวกรีกโยเกิร์ต แต่เข้ากันกับการทานพร้อมมะม่วงและ Muesli ทำเองของทางร้านอย่างลงตัว

สรุปแล้วประทับใจร้านนี้ในความอึดและจู้จี้ ที่จะจัดหาวัตถุดิบคุณภาพดี ที่ต้องเป๊ะ มาตั้งแต่สวนแต่ไร่ ไม่นับสูตรชาววังของคุณย่า ที่ทางร้านย้ำว่าของแท้แต่โบราณ

ถูกใจขนาดนี้เห็นที่จะต้องแวะมาบ่อยๆ

ส่วนใครเห็นแล้วอยากลองชิมมะม่วงหอมๆ หวานๆ แบบที่คัดทุกลูกหวานทุกคำ แถมทำเมนูออกมาได้หลากหลาย แนะนำให้ไปลองเลย ที่ The Mango Garden ค่ะ

 

Comments

comments