“The Cured Chamber” เปิดประสบการณ์ให้คุณได้ลอง cured meat หลากหลายได้อย่างจุใจในแบบ all you can eat

สวัสดีค่ะ
วันนี้พาไปลองของอร่อยกันอีกแล้วโดยร้านที่จะไปชิมกันคือร้าน The Cured Chamber ร้านอาหารที่เน้นเรื่องเนื้อหมักและเนื้อรมควัน (cured meat) เป็นพิเศษ

ข่าวดีคือตอนนี้ทางร้านได้ร่วมกับแอพจองร้านอาหาร Hungry Hub ออกโปรโมชัน all you can eat ในราคาเพียง 490B net (มื้อเที่ยง) และ 890B net (มื้อเย็น)

ได้ยินแล้วก็แอบตกใจเล็กๆ เพราะอาหารแนว cured meat และ อาหารยุโรปปกติราคาค่อนข้างสูง แต่ฟังดูโปรน่าจะคุ้มมากๆ

เดี๋ยวเราจะพาไปดูกันค่ะว่าในเวลา 2 ชม. นี้ เราจะสั่งเมนูอะไรมาทานกันแบบไม่อั้นได้บ้าง

 

ก่อนอื่นขอพูดถึงตัวร้านสักหน่อย

The Cured Chamber นั้นตั้งอยู่ที่เอกมัยซอย 2 ชั้นล่างของตึก Somerset

ร้านหาได้ไม่ยากเพราะหน้าร้านกว้างและป้ายฟอนท์เก๋ๆ ของทางร้านก็เห็นได้ชัดเจน

ที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งแบบ open air ด้านนอกและแบบติดแอร์เย็นฉ่ำด้านในตามชอบใจค่ะ

เมื้อเข้ามาถึงเราก็ได้ตื่นตาตื่นใจกับห้องเก็บเนื้อหรือ the cured chamber ตามชื่อร้านที่สูงเกือบจรดเพดานจนเราต้องแหงนมองจนคอตั้งบ่า

ทางร้านใช้ห้องเย็นที่ควบคุมอุณหภูมินี้เพื่อการบ่มเนื้อ ที่หมักหรือรมควันแล้วให้กลิ่นและรสซึมซาบเข้าเนื้อหรือที่เรียกว่า aging

ซึ่งทำให้ cured meat ที่เราจะได้ทานที่ร้านเป็นเนื้อที่มีรสชาติและกลิ่นที่ลงตัวจากการปรุงรสและหมักบ่มที่ปราณีตและพิถีพิถันด้วยฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากเนื้อแล้ว ในห้องเย็นนี้ก็ยังเป็นที่เก็บรักษาผักผลไม้อีกหลายชนิดที่ผ่านกระบวนการถนอมอาหารไม่ว่าจะเป็นการหมักหรือการดองมาเรียบร้อย

และที่ขาดไม่ได้ ทางร้านได้ใช้ห้องนี้เป็นที่เก็บบ่มชีสชั้นดีหลากหลายชนิดที่คัดสรรมาให้เราได้เลือกชิม

นอกจากห้องเก็บถนอมอาหารที่ดึงดูดสายตา อีกด้านถัดจากบาร์ก็จะเป็นครัวเปิด ที่ให้คุณได้เห็นการทำงานของเชฟอย่างใกล้ชิด

เห็นแบบนี้แล้วก็ทำให้ยิ่งอยากลองอาหารของที่นี่ ว่าจะมีรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง

จานแรกที่พลาดไม่ได้อย่างแน่นอนคือ From our chamber, cold cut platter

จานนี้รวมเนื้อ cured meat ที่หมักบ่มมาอย่างดีมาให้คุณได้ลองชิมตั้งแต่

Prosciutto de san daniele ham แฮมที่ใช้ italian pork หมักกับ sea salt ก่อนปล่อยให้ mature ยาวนานถึง 13 เดือน

Chorizo ไส้กรอกแบบดั้งเดิมที่ยัดไส้เนื้อโดยใช้ลำไส้เป็นตัวผิวนอกของไส้กรอก โดยทางร้านทำไส้เอง ยัดใส้ในลำไส้เอง ก่อนที่จะนำไปตากแห้งจนได้ที่

Milano salami ไส้กรอกรสเฉพาะตัวที่ผสมผสานทั้ง air-dried meat และ fermented meat ไว้ด้วยกัน ก่อนจะปรุงด้วยเครื่องเทศและสมุนไพรหลากหลายชนิดซึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือพริกไทยและกระเทียมจนได้ออกมาเป็นไส้กรอกรสจัดจ้าน

Speck ham ส่วนท้องหรือหมูสามชั้นที่หมักบ่มยาวนานถึง 22  เดือน โดยโรยเกลือด้านขอบนอกและรมควันก่อนจะตากไว้จนแห้งได้ที่

และ Coppa ส่วนกล้ามเนื้อตรงคอหมูที่ dry cured มาอย่างดี

เสิร์ฟพร้อมกับผักดองหลากชนิดที่ให้รสเปรี้ยวมาตัดกับความเค็มของ cured meat

จานนี้ถือเป็นดาวเด่นของร้านเพราะ show case ตัว cured meat อย่างดีที่ทางร้านภูมิใจเกือบครบทุกตัว

ถัดมาเป็นเมนูดังอีกรายการคือ Parma ham with melon

จานนี้เสิร์ฟกับผักดองและราดมาด้วย extra virgin olive oil ความหวานหอมอ่อนๆ ของเมลอนผนวกกับรสลุ่มลึกของแฮมชั้นเยี่ยมที่ผ่านการหมักบ่มอย่างยาวนานทำให้รสชาติออกมากำลังดี

อีกหนึ่งจานที่คาดว่าหลายๆคนจะต้องปลื้มก็คือเมนู Mesclun salad with cured salmon

จานนี้ให้แซลมอนที่หมักน้ำส้มสดเอง cured เองที่ร้านจนออกมารสอมเปรี้ยวเล็กๆ พอมาคู่กับผักสลัดขมนิดๆ ส้มสดเปรี้ยวๆ หวานๆ ก็ไปกันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย

Signature caesar salad with smoked chicken ก็เป็นอีกจานที่สาวๆ ชอบกัน นอกจากจะเป็นสลัดผักจานโตโปะด้วยชีสแผ่นไม่เล็ก คลุกเคล้าน้ำสลัดซีซาร์เข้มข้นจนเข้ากัน ก็ยังมีจุดแข็งที่ smoked chicken ที่แน่นอนว่าต้องรมควันมาอย่างดีไม่มีให้เสียชื่อร้านเป็นอันขาด แถมแอบมีลูกเล่นโดยแถมไข่นกกะทามาให้ด้านบน ทำให้สลัดหอมมันยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีขนมปังบางกรอบมาให้รสสัมผัสที่ตัดกัน

จากนั้นเราหันมาลองซุปกันบ้าง

วันนี้ลองสองอย่างก็ชอบทั้งสองอย่างไม่ว่าจะเป็น

Cream of roasted pumpkin ซุปฟักทองเนื้อนวลเนียนปรุงรสน้อยมาก เน้นกลิ่นและรสของตัวฟักทองเองเป็นหลัก มี ravioli ชิ้นอวบให้ได้กินควบคู่กันไป

Porcini carpuccino ก็เช่นกัน เน้นวัตถุดิบคือเห็ด ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบธรรมชาติ ตัวซุปค่อนข้างบาง ไม่ได้ข้นหนึบ จนเกินไป โปะด้วยฟองโฟมนุ่มๆ ด้านบนยิ่งถูกใจ

เขยิบมาชิมหมวดพาสต้ากันบ้าง

Angel hair spicy salami นี่ก็แนะนำ

Salami ของที่นี่เป็นหมูหมักพริกสเปนที่เอาไปทอดอีกที ให้รสผัดจัดจ้าน แต่ก็ไม่ถึงกับมากเกินไป ใครที่ปกติทานเผ็ดไม่ได้มากก็น่าจะยังพอลองได้

Homemade grilled sausage ก็เวิร์คใช้ได้ ข้าวออกค่อนไปทางแข็งไม่ต้องกลัวว่าจะเละไป ส่วนตัวไส้กรอกทำเองก็อมเปรี้ยวนิดๆ กินกับ risotto ที่ใส่ชีสมาจัดเต็มจนหอมนวลเข้มข้นก็ฟินกันไป

ทีนี้ก็มาถึงอาหารจานหลักที่ทางร้านจัดแยกออกมาเป็น premium menu ให้สั่งได้ท่านละหนึ่งจาน มีอยู่สี่รายการให้เลือกสรรคือ

Pan fried atlantic cod fillet

จานนี้เซอร์ไพรส์โดยการปรุงรสมาแบบไทยๆ รสชาติออกแนวฉู่ฉี่ไปเลย ตัวปลาทำหนังได้กรอบดี ทานแล้วเพลิน

อีกจานที่คนรักเนื้อน่าจะถูกใจคือเมนู Stewed beef cheek เนื้อส่วนแก้มวัวนั้นถูกตุ๋นมาจนนุ่ม มีมันเทศญี่ปุ่นตุ๋นมาด้วยกัน นิ่มๆ หวานๆ

จัดมาให้ทานกับอาจาดและโรตีทอดกรอบที่กัดทีเสียงดังรับประกันความกรอบไปทั่วร้านเลยทีเดียว

อีกจานที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ Duck confit ที่เสิร์ฟมากับ edamame, sweet pea, Japanese mushroom

ปลื้มตรงที่เป็ดหนังกรอบ เสิร์ฟมาพร้อม bok choy และซอสหวานแบบจีน

ปิดท้ายรายการพรีเมียมด้วย Char grilled pork ribs

จานนี้ยิ่งใหญ่มาก โดยเฉพาะมาเสิร์ฟเอาตอนใกล้อิ่มนี่ถึงกับต้องงัดพลังลมปราณขึ้นมาเพื่อปิดจ็อบจานนี้ให้เกลี้ยง

ทางร้านบอกว่านี่ลดลงมา เหลือราว 70% ของ portion ปกติเพื่อให้ได้เหลือท้องไว้ชิมเมนูอื่นๆ แต่ก็ยังยิ่งใหญ่ถ่ายรูปแล้วคับจอมาก

ซอสที่ทาด้สนบนออกแนวคล้ายๆ น้ำจิ้มแจ่ว มีข้าวคั่วใส่มาด้วยเต็มที่ แต่ทำให้ออกไปทางหวานและแทบไม่มีความเผ็ดทำให้ทานง่าย ตัดกำลังกันหนักขึ้นไปอีกด้วย potato wedges กรอบอร่อยที่อิ่มแค่ไหนก็ยังยอมใส่เข้าไปเพิ่ม

ปิดท้ายด้วยไอศกรีมที่มีทั้งช็อกโกตแลตแบบดาร์กๆ คาราเมลหวานเข้มข้นแต่ไม่ถึงกับแสบคอ และมะพร้าวอ่อนที่มีเนื้อมะพร้าวชิ้นๆ มาในตัวไอศกรีมด้วย รสนี้สดชื่นมากๆ เป็นอันจบมื้อลงด้วยดี

ส่วนตัวถูกใจมากในภาพรวม จะมีเซอร์ไพรส์นิดหน่อยก็ตอนจานพรีเมียมซึ่งจริงๆ รสชาติดีทุกจานเพียงแต่ว่าตอนสั่งไม่ได้คาดไว้ก่อนว่าจะเป็นเมนูที่ผสมผสานความเป็นไทยหรือเอเชียนเข้าไปมากขนาดนี้ ถ้ามากินอีกคาดว่าคงลงเอยสั่งเน้นไปทาง cured meat เพราะทำได้เด็ดแบบที่หาร้านอื่นๆ ในกรุงเทพที่ทำได้ใกล้เคียงได้เพียงไม่กี่ร้าน

สำหรับราคา 490/890B นี้ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างไม่ต้องสงสัย เชียร์ให้ลองมาชิมดูแล้วคาดว่าคุณๆ จะติดใจไม่แพ้เรา

 

Comments

comments